ล่ามประจำ “พระพันปีหลวง” วัย 85 ปี ร่ำไห้..หลังเล่าความหลังถวายงานรับใช้กว่า 50 ปี

ล่ามประจำ “พระพันปีหลวง” วัย 85 ปี ร่ำไห้..หลังเล่าความหลังถวายงานรับใช้กว่า 50 ปี

ย้อนรำลึกความประทับใจในช่วงถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นเวลากว่า 50 ปี
บุคคลผู้นี้ “ว่าที่ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ” ล่ามภาษามลายูประจำพระองค์ให้กับ “พ่อหลวง ร.9” และ “แม่หลวงสิริกิติ์” ก่อนหน้านั้น ชายวัย 85 ปีผู้นี้ เป็นครูในพื้นที่ เมื่อเกษียณ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” ได้ทรงขอให้เป็นล่ามต่อไปและให้ตามไปทุกที่ ที่พระองค์เสด็จฯ
จะเห็นล่ามผู้นี้ เฝ้ารับเสด็จฯและถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อแปลภาษามลายู ในยามที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ 3 จังหวัด
“พ่อหลวง” และ “แม่หลวง” มีความสนพระทัยในลักษณะภูมิประเทศ ความเป็นอยู่ของราษฎร ทรงสอบถามความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งเส้นทางเสด็จฯ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ทุรกันดาร ปัญหาของราษฎร จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้ที่ว่างงานและสนใจงานศิลปาชีพ พระองค์ได้ริเริ่มโครงการตามพระราชดำริขึ้นมามากมาย ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกโครงการดีขึ้นมาก
“ผมประทับใจพระองค์ที่ทรงมีน้ำพระทัยเมตตาต่อราษฎรชาวจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียง ในถิ่นทุรกันดารและอยู่ห่างไกล ต้องออกจากพระตำหนักทักษิณฯแต่เช้า เสด็จฯกลับตอนค่ำหรือดึก บางครั้งกลับเช้าวันรุ่งขึ้น ช่วงเสด็จฯไปอำเภอสุคิริน สะพานขาด แต่ทั้งสองพระองค์นั่งรถลุยน้ำ ด้วยเหตุผลว่า ต้องไปเพราะราษฎรรออยู่
เมื่อฟังประกาศสำนักพระราชวัง ถึงการสวรรคต “สั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว หมดแล้วในแผ่นดินนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นเร็ว เพราะช่วงหลังมาไม่ได้ข่าวอาการประชวร”
“พระพันปีหลวง” ให้ชีวิตใหม่ “พระองค์ให้หมอสมอง รพ.จุฬาฯ ลงมาผ่าตัดตนเอง ที่เส้นเลือดสมองแตกเมื่อหลายปีก่อน ผ่าตัดเสร็จวันรุ่งขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ป่วยอีก 4 คนที่ผ่าตัดสมองเช่นกัน ตายเรียบ เหลือผมคนเดียว ที่สุดในชีวิตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตามหลักศาสนาอิสลาม องค์อัลเลาะห์ประทานให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี ทรงเมตตาผม ช่วยชีวิตได้ทัน พระองค์ท่านสวรรคต ทำให้เกิดความสูญเสีย เสียใจที่สุดในชีวิต พระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีแก่ครอบครัว ได้มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *