สารพิษในสาละวินต้องร่วมแก้ของสองประเทศ

นายอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ระบุ ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาละวิน อยากจะให้มีการตรวจสอบน้ำในแม่น้ำสาละวินในครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางในไทย จนถึงปลายทาง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาดังกล่าว ต้องเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ด้วยการร่วมมือระหว่างประเทศไทย กับสหภาพเมียนมา ซึ่งยังเป็นประเด็นที่น่ากังขาว่า จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่อย่างไร

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวการตรวจพบสารเคมีปนเปื้อนในลำน้ำ “สาละวิน” ได้สร้างความกังวลอย่างกว้างขวาง ทั้งในหมู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำและผู้ติดตามสถานการณ์สิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ เสียงเรียกร้องจากสังคมได้สะท้อนไปยังหน่วยงานภาครัฐ ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและเปิดเผย ผลการทดสอบที่ถูกต้อง โปร่งใส และเชื่อถือได้ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัยในการใช้น้ำจากสายน้ำสำคัญแห่งนี้ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และเป็นหัวใจของระบบนิเวศท้องถิ่นที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนสองฝั่งแดนไทย–เมียนมาร์มาอย่างยาวนาน

สายน้ำแห่งชีวิตของสองฝั่งแดน-แม่น้ำสาละวิน เป็นสายน้ำใหญ่ที่ไหลผ่านเขตแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีระยะทางรวมประมาณ 127 กิโลเมตร แบ่งเป็นช่วงที่ไหลผ่าน อำเภอแม่สะเรียงราว 101 กิโลเมตร และ อำเภอสบเมย ประมาณ 26 กิโลเมตร สายน้ำนี้ไม่เพียงเป็นเส้นแบ่งเขตแดนธรรมชาติ หากแต่เป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต การเกษตร และวิถีชุมชนที่ดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติมาช้านาน

การตรวจสอบและการเก็บตัวอย่าง-ในเบื้องต้น หน่วยงานภาครัฐได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจวิเคราะห์ โดยมุ่งเน้นในพื้นที่ตอนล่างของลำน้ำ เช่น บริเวณ บ้านท่าตาฝั่ง ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง และบางจุดในเขตอำเภอสบเมย(บ้านแม่สามแลบ) ซึ่งเป็นปลายทางของแม่น้ำก่อนจะไหลออกนอกประเทศ แต่ก็ถือเป็นจุดที่มีความสำคัญเนื่องมีชุมชนอาศัยหนาแน่น และเป็นจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้านตอนเหนือของลำน้ำสาละวิน ยังคงมีพื้นที่ลำน้ำอีกเกือบ 100 กิโลเมตร นับแต่เขต ต.แม่ยวม-ต.แม่คง ไปจนถึง บริเวณดอยผาตั้ง(จุดเริ่มต้นแนวเขตลำน้ำ)ในเขตอำเภอแม่สะเรียง ซึ่งอยู่ในเขตอนุรักษ์และรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน ซึ่งยังไม่ถูกเก็บตัวอย่างน้ำอย่างครอบคลุม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเตรียมแผนการลงพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อให้การตรวจสอบมีข้อมูลครบถ้วนและชัดเจนในทุกช่วงของสายน้ำ

ความคืบหน้าล่าสุด-กรมควบคุมมลพิษได้มอบหมายให้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (สคพ.1) ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่าง น้ำและตะกอนดิน จากจุดที่มีการรายงานข่าว โดยหลังจากเก็บตัวอย่างแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเตรียมตัวอย่างที่ สคพ.1 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งไปยังกรมควบคุมมลพิษ ในวันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568(วันนี้)

ผลการวิเคราะห์เบื้องต้น-คาดว่าจะทราบได้เร็วที่สุดภายใน วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ส่วนตัวอย่าง ตะกอนดิน จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่า เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการทำให้แห้งสนิทและวิเคราะห์อย่างละเอียด ซึ่งจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อเสร็จสิ้น

สำหรับการตรวจสอบรอบแรก ระหว่างวันที่ 4–7 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งใช้ ชุดทดสอบ Test Kit ตรวจสารหนู ผลการตรวจพบสารหนูในระดับที่ยังอยู่ใน เกณฑ์มาตรฐาน แต่เพื่อความมั่นใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเพิ่มเติมระหว่างวันที่ 12–14 พฤศจิกายน 2568 เพื่อส่งไปยังศูนย์วิเคราะห์ของกรมควบคุมมลพิษ โดยคาดว่าผลจากห้องปฏิบัติการจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากส่งตัวอย่างถึงศูนย์

ประเด็นสันนิษฐานและความร่วมมือระหว่างประเทศ-นอกจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้ว ยังมีข้อสันนิษฐานที่ต้องจับตา นอกเหนือข้อมูลที่สื่อนำเสนอเกี่ยวกับเหมืองแร่แล้ว คือ กิจกรรมร่อนทองในพื้นที่ฝั่งเมียนมาร์ ซึ่งแม้จะเป็นวิถีดั้งเดิมที่สืบทอดมานาน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าในปัจจุบันมีการใช้สารเคมีหรือโลหะหนัก เช่น ปรอท หรือไซยาไนด์ ในกระบวนการร่อนทองหรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจนต่อไป
ประเด็นนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และติดตามร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ และนำไปสู่แนวทางแก้ไขร่วมกันอย่างยั่งยืน

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของไทย ระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือการทำเหมืองแร่ นานาชนิดใน สหภาพเมียนมา โดยมีกลุ่มทุนจีนเข้าไปดำเนินการขุดแร่ โดยเฉพาะแร่ แรเอิทร์ ซึ่งปัญหาดังกล่าว การแก้ไขยังไม่สามารทำได้ ยกตัวอย่างในพื้นที่รัฐฉานตรงข้าม จ.เชียงราย ที่มีการตรวจพบสารหนูในลำน้ำกก และน้ำสายต่าง ๆ ใกล้เคียง การประสานงานกับรัฐบาลเมียนมา ยังคงขลุกขลัก เนื่องจากบางพื้นที่ทางการเมียนมาอ้างว่า เป็นพื้นที่อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ที่ยังไม่สามารถดำเนินการควบคุมพื้นที่จากทหารรัฐบาลได้
—————————————-
นายทศพล บุญพัฒน์ / จ.แม่ฮ่องสอน / 0850309987

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *