เชียงใหม่ / บุกจับหนุ่มจีนแก๊งคอลเซนเตอร์ คาบ้านพักย่าน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี ยึดของกลางมือถือ 174 เครื่อง และบัญชีม้า 277 ราย พฤติกรรมหลอกลวงคนไทยสร้างความเสียหายให้ประเทศ พบมีตัวบงการใหญ่อยู่เบื้องหลัง เตรียมขยายผลปราบปรามต่อเนื่อง


เมื่อบ่ายวันที่ 11 พ.ย.68 ทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.5 โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.สส.บก.ตม.5 และ
พ.ต.ท.จีรัชญ์ จงอิทธิ รอง ผกก.สส.บก.ตม.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 และ พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพักหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในย่าน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ภายหลังจากสืบทราบว่าเป็นแหล่งกบดานของบุคคลต้องสงสัยในการก่อเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยในการบุกเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมตัว เป็นชาวจีน 1 ราย ซึ่งแสดงตัวเป็นคนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว ที่ได้เข้ามาเช่าได้อยู่ได้ประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้จากการตรวจค้นบริเวณชั้นสอง ของบ้านพบ พร้อมของกลางบัตร ATM รวมจำนวน 73 ใบ และบัญชีรายชื่อธนาคาร จำนวน 277 ราย และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 174 เครื่อง , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 2 เครื่อง
.
โดยทาง พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 เปิดเผยว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการตรวจสอบเกี่ยวกับกลุ่มชาวต่างชาติในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจากการตรวจสอบเคสที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรงกับคนไทยโดยตรง เนื่องจากมีการตรวจพบบัญชี และบัตร ATM ที่มีชื่อคนไทยทั้งสิ้น และมีการตรวจยึดได้แบ่งเป็นสมุดบัญชีประมาณ 200 กว่าเล่ม และบัตร ATM อีกประมาณ 70-80 ใบ ซึ่งจะมีการดำเนินการขยายผลของกลางต่อไป
.
ขณะเดียวกันจากกาาตรวจค้นพบผู้ต้องหาชายชาวจีน 1 ราย ที่ได้ทำการควบคุมตัวและสอบสวนเบื้องต้นยอมรับสารภาพอีกทั้งยังทราบว่ามีหัวหน้าบงการอยู่อีกทอด นอกจากนี้ปัจจุบันพบว่ารูปแบบการก่อเหตุกระทำความผิดในรูปแบบออนไลน์มีเพิ่มสูงขึ้น และที่ตรวจพบอีกคือรูปแบบการผูกกับเคส ID ที่พบผู้เสียหายแล้วประมาณ 19 เคส จึงต้องมีการตรวจสอบและขยายผลเพิ่มเติมอีกครั้ง และส่งต่อไปให้กับพื้นที่ที่รับผิดชอบต่อไป
.
ด้าน พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของทาง สอท.4 ได้เข้ามาร่วมในการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนเรื่องกฎหมาย รวมถึงการขยายผลทางเทคนิคในเรื่องของบัญชีกับโทรศัพท์ ที่จะต้องมีการขยายผลหาต้นตอที่คาดว่าจะมีการย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่ขณะนี้กำลังมีการปราบปรามกันอย่างจริงจัง และนอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นกับบัญชีที่จับกุมได้ และในส่วนของโทรศัพท์ก็จะมีการสืบสวนอีกครั้งเนื่องจากบางเครื่องยังพบว่ามีการทำงานอยู่ มีเลขบัญชี และมีเงินหมุนไหลเวียนเข้าออกอยู่ ซึ่งส่วนนี้ต้องมีการตรวจสอบในทางเทคนิค
.
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่จับกุมได้ครั้งนี้ยังเป็นกลุ่มที่หลอกลวงคนไทย และมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งในส่วนของที่จับกุมได้ครั้งนี้เป็นส่วนของการจัดการเงิน โดยมีการรวบรวมบัญชีจากที่ต่างๆ แล้วเอามาส่งโดยในส่วนของออฟฟิศใหญ่ยังคงต้องมีการตรวจสอบขยายผลต่อไป
.
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งตัวชายชายจีนที่ถูกจับกุม ดำเนินคดีในข้อหา “มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบไว้ในครอบครองเพื่อนำออกใช้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน” และ “เป็นผู้สนับสนุนหรือ ช่วยด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566”
.
พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 ได้กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มผู้กระทำผิดในลักษณะนี้จะถูกดำเนินคดีถึงที่สุด เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายให้กับประเทศ และขอความร่วมมือกับทางประชาชนหรือผู้ที่มีเบาะแสหากหากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทางกก.สส.บก.ตม.5 ได้โดยตรง./////////// นิวัตร ธาตุอินจันทร์ เชียงใหม่











