สัมมนาวันกุ้งกระบี่รวมพลังผาวิกฤติพิชิตตลาดโลกผู้เลี้ยง 20 จังหวัดร่วมส่งเสริมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาใช้การผลิตคุณภาพมาตรฐานปลอดภัย


เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.50 นาฬิกา ที่ห้องประชุมแพลตตินั่มฮอลล์ บ้านตลาดเก่า ถนนมหาราช เขตเทศบาลเมืองกระบี่ ตำบลกระบี่ใหญ่ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นายสุวิทย์ สุริยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้ง ร่วมแสดงความอาลัยด้วยการชมวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 93 นาที เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นนายสุวิทย์ สุรยะวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาวันกุ้งกระบี่ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 22 ซึ่งมีผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ 8 จังหวัดภาคกลาง 3 จังหวัดภาคตะวันรวม 400 คน เข้าร่วมรวมพลังฝ่าวิกฤติพิชิตตลาดโลก โดยมีนายเจริญไชย ศรีสุวรรณ์ ประมงจังหวัดกระบี่ และนายวนัส วัตตธรรม ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ ร่วมให้ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้อย่างอบอุ่น


โดยนายวนัส วัตตธรรม ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งระหว่างเกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิตกุ้งคุณภาพให้ได้มาตรฐานปลอดภัย เพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเกษตรกรกับภาครัฐและภาคเอกชน และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ศักยภาพของจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกุ้งคุณภาพอันดับต้นของประเทศ โดยเฉพาะกุ้งกุลาดำกระบี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรสชาติอร่อย สีแดงเข้มเมื่อต้นสุก และได้รับการผลักดันให้ขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือจีไอ เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดสู่ระดับสากล ซึ่งมีกิจกรรมการสัมมนาทางวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงและการตลาด การจัดแสดงสินค้าปัจจัยการผลิต เครื่องมืออุปกรณ์และนวัตกรรมการเลี้ยงกุ้ง การแขจ่งขันกีฬาเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เลี้ยงกุ้งและภาคธุรกิจ และกิจกรรมสังสรรค์ของเกษตรกรเพื่อสร้างความรักความสามัคคี และความเข้มแข็งในชุมชนผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่
ด้านนายเจริญไชย ศรีสุวรรณ์ ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่มีพื้นที่อนุญาตให้เลี้ยงกุ้ง 8,225 ไร่ เกษตรกรขึ้นทะเบียน 253 คน 339 ฟาร์ม มีโรงเพาะเลี้ยงของราชการ 1 แห่ง ของเอกชน 3 แห่ง มีกำลังผลิตลูกพันธุ์กุ้งทะเล 160 ล้านตัวต่อปี มีกลุ่มและชมรม 1 กลุ่มคือชมรมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ ปี 2567 สามารถผลิตกุ้งได้ 11,776 ตัน แยกเป็นกุ้งขาวแวนนาไม 8,300 ตัน 70 เปอร์เซ็นต์ กุ้งกุลาดำ 3,475 ตัน 30 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 1,827 ล้านบาท ปี 2567 ทางชมรมดังกล่าวยื่นหนังสือให้จังหวัดกระบี่ช่วยเหลือเรื่องราคากุ้งตกต่ำเร่วงด่วนช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2567 โดยกำหนดราคาไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งรัฐบาลได้แก้ปัญหาได้บางส่วนได้ 23 จังหวัด โดยจัดทำโครงการส่งเสริมการรณรงค์บริโภคสินค้ากุ้งเป้าหมาย 5,450 ตัน และได้ขยายระยะเวลาดำเนินการจากเดิมสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษ๖รกรผู้เลี้ยงกุ้ง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรตามสัดส่วนที่จดทะเบียน ซึ่งจังหวัดกระบี่ได้โควตา 149 ตัน ด้วยการชดเชยส่วนต่างราคากิโลกรัมละไม่เกิน 20 บาท มีเกษ๖รกรเข้าร่วมโครงการ 39 คน ได้รับการจัดสรรกุ้งรายละ 2,811 กิโลกรัม ดำเนินการได้จริง 39 คนปริมาณกุ้ง 107,885.21 กิโลกรัมคิดเป็นเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2,056,508.20 บาท ซึ่งได้ดำเนินการเสร้จเรียบร้อยลงด้วยดี
ทางนายสุวิทย์ สุริยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ทางฝั่งทะเลอันดามัน ความพิเศษมีแนวชายฝั่งทะเลยาว 160 กิโลเมตร ไม่เพียงมีความเหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลเท่านั้น หากในทะเลที่ห่างจากฝั่งออกไปยังมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง รวมทั้งมีความงดงามทางธรรมชาติที่เหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มีคุณภาพระดับโลก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการประสานกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงเหล่านี้ ให้มีการพัฒนาร่วมกันอย่างลงตัวและสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนกระบี่ทุกระดับ ทั้งชาวประมงพื้นบ้าน ผู้ประกอบกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไปจนถึงผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของทรัพยากรทั้งสิ้น การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลอย่างไรให้ยั่งยืนจึงเป็นประเด็นท้าทายที่มุกฝ่ายต้องร่วมมือ เพื่อให้ได้สินค้ากุ้งทะเลที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันจะนำมาซึ่งความยั่งยืนของอุตสาหกรรมกุ้งไทยสืบไป
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จังหวัดกระบี่ได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน ที่ประกอบอาชีพด้านการประมงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ซึ่งเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอันดับต้นๆ การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลเป็นสัตว์น้ำสำคัญทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง จึงต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตลอดทั้งกระบวนการผลิต เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ทักษะและประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาเกิดความคิดสร้างสรรค์ และใช้ความสามารถที่มีอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาเป็นแนวทางในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของตนเอง เกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งจนนำไปสู่การพัฒนาในด้านอื่นๆให้ได้ผลผลิตสัตว์น้ำที่มีคุณภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดทั้งด้านคุณภาพความสดสะอาดมีมาตรฐานความปลอดภัย เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *