แม่กับยายร่ำไห้หลังทราบข่าว “พลทหารเอสโซ่” พลีชีพในสนามรบทั้งเสียใจทั้งภาคภูมิใจ

เข้าสู่วันที่ 10 ของการสู้รบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา มีทหารกล้าของไทยพลีชีพในสนามรบไปแล้ว 21 นาย โดยรายล่าสุดเป็นทหารกล้าชาว จ.อุดรธานี คือพลทหารวสันต์ ขานหัวโทน หรือเอสโซ่ อายุ 22 ปี สังกัด ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (ร.13 พัน 3) ปฏิบัติหน้าที่อยู่ กองร้อย.ร.132 ฐานปฏิบัติการ ซำแต ตำแหน่งปกติ ผู้ช่วยช่างอิเล็กทรอนิกส์ ตำแหน่งในสนาม พลสูทกรรม เบื้องต้นเมื่อเวลา 15.04 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ถูกสะเก็ดกระสุนปืน ค. เข้าที่หลัง ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนาม รพ.สต.ตาแท่น อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ต่อมาเวลา 19.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม ร.อ.กฤษณะ วรยศ ผบ.ร้อยกองร้อยสนับการช่วยรบ ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ และคณะเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยนายอำนวยศักดิ์ ทีนะกูล ผู้ใหญ่บ้านเทื่อมน้อย หมู่ 13 ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 131 หมู่ 13 บ้านเทื่อมน้อย เพื่อเยี่ยมและแจ้งข่าว และให้กำลังใจครอบครัวพลทหารวสันต์ “เอสโซ่” ที่พลีชีพเพื่อชาติ ได้พบ น.ส.ทองขัน วิชัยวงศ์ อายุ 40 ปี แม่ และ นางปัน วิชัยวงศ์ อายุ 66 ปี ยาย พร้อมด้วยญาติ เมื่อทราบข่าวต่างก็พากันร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า ซึ่งมีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวต่างมาให้กำลังใจ
น.ส.ทองขัน กล่าวว่า ตนมีลูก 3 คน น้องเอสโซ่เป็นคนโต มีน้องอีก 2 คน แต่คนละพ่อ ลูกสมัครใจเป็นทหาร ลูกไปเป็นทหารได้ปีกว่าแล้ว ล่าสุดได้คุยกับลูกเมื่อ 2 วันก่อน ช่วงเย็นลูกส่งข้อความเสียงทาง Messenger ขอเงินแม่ 100 บาท เอาไปเติมโทรศัพท์ เพราะอินเตอร์เน็ทลูกหมด ตนก็บอกลูกว่าให้รักษาตัวเองดีๆ ลูกก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ลูกอยู่สบายดี เท่าที่รู้ตอนนั้นสถานการณ์จุดที่ลูกอยู่มีความรุนแรง จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ได้ยินข่าวลูกตอนแรก ร่างกายอ่อนล้าไปหมด เสียใจที่ลูกเสียชีวิต แต่ก็ภูมิใจในตัวเขา ที่ลูกเสียสละชีวิตในหน้าที่ อยากบอกลูกว่า “ให้เขาไปเป็นทหารกล้าบนสวรรค์
ส่วนนางปัน กล่าวว่า รู้ข่าวว่าหลานเสียชีวิต ตอนที่แม่เขามาบอกตน เสียใจมาก เพราะยายเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เกิด พ่อแม่น้องเอสโซ่แยกทางกัน ตั้งแต่น้องเอสโซ่อายุ 9 เดือน แม่น้องเอสโซ่ไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ตนก็ต้องดูแลหลาน จนกระทั่งแม่น้องเอสโซ่ไปมีครอบครัวใหม่ หลานเป็นคนที่ใช้ได้ ดื้อตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป หลังจากเรียนจบ ม.3 ก็เรียน กศน. ไปทำงานในเมืองอุดรฯ บ้าง ไปทำงานที่โรงงานน้ำตาลที่ อ.บ้านผือ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว เขาดูแลยายมาตลอด หลานบอกเสมอว่าอยากเป็นทหาร หากสอบไม่ได้ก็จะสมัครเป็นทหารเกณฑ์ก่อน หลานไม่ได้จับใบดำใบแดงเพราะกลัวไม่ได้เป็นทหาร เขาสมัครเป็นทหารเลย เขาอยากสอบเป็นนายสิบ หลานอยู่ในสนามรบยายภูมิใจในตัวเขามาก แต่ก็ตกใจและเสียใจที่หลานต้องจากไป
“ถ้าหากดวงวิญญาณหลานรับรู้ได้ ให้ลูกไปดีเกิดดีในชาติใหม่ เกิดดีสมสุข ยังทำใจไม่ได้ เพราะเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก” ยายปันกล่าวทั้งน้ำตา
เบื้องต้นผู้แทนกองทัพบก ได้แจ้งข่าวให้ครอบครัวได้รับทราบข้อเท็จจริง และเตรียมการเคลื่อนย้ายศพกลับภูมิลำเนาในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม รวมทั้งเตรียมการให้การช่วยเหลือครอบครัวตามลำดับต่อไป










