นครปฐม – 1 เดียว ปชช.แน่นวัดแห่เข้าพิธีบูชานพเคราะห์ในวิหาร

วันหยุดยาวประชาชนจากทั่วสารทิศ เนื่องแน่นแห่เข้าพิธีบูชานพเคราะห์ในวิหาร วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งมีแห่งเดียวใน จ.นครปฐม ที่สืบทอดกันมายาวนานถึง 58 ปี ทั้งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมชมความเก่าแก่ของอุโบสถหลังเก่าในยุคอยุธยาตอนปลาย ที่มีบริษัทถ่ายทำภาพยนต์นำนักแสดงมาถ่ายทำมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งยังได้กราบไหว้ขอโชค ขอลาถ จากหัวยักษ์กินเณร เพื่อเสี่ยงดวงติดปลายนวมกันด้วย
จากการบอกกล่าวกันว่าที่ วัดละมุด ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้มีการจัดงานกลางเดือน 9 บูชานพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี โดยพระครูปฐมโชติวัฒน์ จอว.วัดละมุด ระหว่างวันที่ 8-12 ส.ค.68 โดยมีประชาชนจากทั่วสารทิศแห่แหนกันมาร่วมทำบุญ และเข้าประกอบพิธีดังกล่าวกันอย่างเนื่องแน่น เนื่องจากพิธีดังกล่าวมีวัดเดียวใน จ.นครปฐม ที่ประกอบพิธีสืบทอดภายในวิหารมาเนิ่นนานถึง 58 ปีแล้ว ดังนั้นทีมงานของผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปร่วมทำบุญ และเก็บบรรยากาศมาให้ท่านผู้ชมได้เห็นกัน ซึ่งทางด้านนายสุธน บาระมี กรรมการวัดละมุด ก็ได้ชี้แจงที่ไปที่มาของการจัดพิธีดังกล่าวว่า พิธีบูชานพเคราะห์ของวัดละมุด โดยอดีต จอว.พระครูสุพจน์ (หยุด) สุทนฺโต เป็นผู้ริเริ่มได้นำพิธีกรรมนี้มาทำที่วัดละมุด ในช่วงประณปี 2510 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยเปิดโอกาสให้สาธุชนที่มีความศรัทธาในการบูชานพเคราะห์ กระทำในวิหารทั้งหมด ซึ่งด้านในจะมีองค์พระธรรมมาราชาอนันต์โลกนารถ หรือหลวงพ่อศิลาแลง พระพุทธรูปเก่าแก่ในยุคสมัยอู่ทอง ประมาณ 700-800 ปี ประดิษฐานอยู่ ทั้งนี้ทางญาติโยม และสาธุชนที่มีความประสงค์ที่จะบูชาเทวดานพเคราะห์ประจำวันเกิด หรือ การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ก็จะต้องมาให้โหราจารย์ ก็จะมีฆราวาส หรือพระภิกษุสงฆ์ ที่ได้รับการเล่าเรียนมา ทำการคำนวณดูก่อนว่าอายุของเราช่วงนี้นั้นมีวันอะไรมาเสวย อายุมีอะไรมาแทรกอายุ ตามหลักโหราศาสตร์ก่อน หลังจากนั้นก็จะนำพานครู หรือพานบูชานพเคราะห์ เข้าไปด้านในวิหาร พระคุณเจ้าด้านในก็จะประกอบพิธีกรรมในการเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล กับสาธุชนที่เข้ามาร่วมพิธีกรรมในครั้งนี้ ซึ่งพิธีกรรมนี้เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ เมื่อได้รับพิธีกรรมครั้งนี้แล้ว ก็ได้รับคำตอบเดียวกันว่า มีขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ได้ทำมาตั้งแต่ พ.ศ. 2510 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

สำหรับอุโบสถหลังเก่าของวัดละมุดนั้น ก็จะเป็นอุโบสถที่สร้างขึ้นในยุคของอยุธยาตอนปลาย ส่วนกำแพงและเจดีย์ด้านข้างอุโบสถนั้น ได้สร้างอยู่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้านพระประธานในอุโบสถจะมีอยู่ 2 องค์ คือ องค์ใหญ่สุดที่อยู่ด้านใน เป็นพระที่อัญเชิญมาจากวัดโบสถร้างในยุคอู่ทอง เอามาประดิษฐานเป็นประธานในอุโบสถหลังเก่า ส่วนองค์ดั่งเดิมที่อยู่ด้านในอุโบสถนั้นจะเป็นพระปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 25 นิ้ว ถูกสร้างมาพร้อมกับอุโบสถหลังนี้ ซึ่งอุโบสถหลังนี้ก็จะมีประตูทางเข้าด้านหน้าทางเดียว ส่วนด้านหลังก็จะไม่มีประตู ก็จะถูกเรียกกันว่าโบสถมหาอุตม์ ประชาชนก็จะมากราบไหว้สักการะขอพร ทางวัดก็ได้เปิดให้สาธุชน ที่มีความศรัทธาได้มากราบไหว้สักการะกันอยู่ประจำ
ขณะที่ด้านหน้าอุโบสถก็จะมีหัวยักษ์ตนหนึ่งที่วางอยู่ ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นยักษ์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าวิหารองค์ศิลาแลงวัดละมุด สมัยก่อนจะมีอยู่สองตน ด้านหน้า 1 ตน และด้านหลัง 1 ตน พอมาในยุคของหลวงพ่อพระครูสุพจน์ฯ นั้น ยักษ์ได้เกิดชำรุดทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ที่สร้างมาพร้อมกับวิหารหลังนี้ ปัจจุบันก็ 100 กว่าปีแล้ว เมื่อยักษ์ชำรุดทรุดโทรมลงไป สมัยก่อนเด็ก ๆ จะไปโรงเรียนก็จะต้องเดินผ่านวิหารหลังนี้ ผ่านยักษ์ทั้งสองตนไป ดังนั้นผู้ปกครองหรือพ่อแม่ก็มักจะเอ่ยบอกว่า “อย่าให้เด็กเดินผ่าน เพราะเดี๋ยวยักษ์จะกินเด็ก กินเณร” จึงเป็นคำพูดที่ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ แต่โดยความหมายแล้วยักษ์ที่มีความชำรุดก็กลัวว่ายักษ์จะไปล้มทับเด็ก ๆ นั่นเอง พอมาปี พ.ศ.2520 หลวงพ่อพระครูสุพจน์ฯ ก็ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วิหารหลังนี้ขึ้นมาใหม่ จึงทำการรื้อยักษ์ทั้งสองตนนี้ออกไป มีเก็บเอาไว้ส่วนหัวของยักษ์ แล้วเอาไปไว้ที่บริเวณโคนต้นมะขามด้านหน้าอุโบสถ ปัจจุบันนี้ก็มีสาธุชนได้มากราบไหว้สักการะบูชา และก็จะไปแวะไหว้ขอพร ขอโชค ขอลาภ จากหัวยักษ์ ซึ่งก็มีบางคนที่มีบุญสัมพันธ์กันกับยักษ์ ก็จะได้รับโชค รับทรัพย์กันไป จากนั้นก็จะมีการนำสิ่งของ เช่น น้ำแดง ดอกกุหลาบ พวงมาลัย ปะทัด และภาพยนตร์ มาฉายกันอยู่เป็นประจำ เพื่อเป็นการแก้บน จึงเป็นที่รู้จักกันในยุคปัจจุบัน สำหรับชาวบ้านรุ่น ปู่ ยา ตา ยาย ต.วัดละมุด ก็มักจะเรียกกันว่ายักษ์วัดละมุด ไม่ใช่ท้าวเวสสุวรรณ
ผู้สื่อข่าว นายพิสิษฐ์ ปานวณิชยกิจ (11 ส.ค.68)
ภาพ น.ส.ศิวาพร ศรีศิวานุวัฒน์ (จ.นครปฐม)
