สกลนคร แก้หนี้ด้วยชีวิต ครูบำนาญอีสานรวมตัวยื่น ผอ เขตพื้นที่การศึกษา ขอช่วยแก้ปัญหาหนี้บำเหน็จค้ำประกัน


จากกรณีข้าราชการครูบำนาญรายหนึ่งเสียชีวิตจากการทำอัตวินิบาต โดยมีข้อสงสัยว่าสาเหตุอาจเกี่ยวข้องกับการถูกหักเงินบำนาญรายเดือนจนเหลือเพียง 10 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568
สมาพันธ์ข้าราชการบำนาญภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดย นายคำพันธ์ บุญยืด ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์ พร้อมสมาชิกจาก 20 จังหวัด รวมประมาณ 120 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือและชุมนุมอย่างสงบที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 โดยส่งตัวแทนเข้าพบ ดร สะท้าน วารี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 และ นายดิเรก ฤทธิ์ศรีบุญ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสกลนคร
กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นข้อเรียกร้อง 3 ประเด็น
ข้อหนึ่ง ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสกลนคร เขต 1 ดำเนินการหักเงินบำนาญรายเดือนตามลำดับในหนังสือสั่งการกรมบัญชีกลาง ที่ 04201 ว285 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2554 คือ ลำดับที่หนึ่ง ภาษี ลำดับที่สอง สหกรณ์ และลำดับที่สาม บำเหน็จค้ำประกัน
ข้อสอง ขอให้หนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูหักชำระทั้งจำนวนโดยทันที ตามมาตรา 42 1 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พศ 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อสาม กรณีเงินบำนาญรายเดือนไม่เพียงพอ ให้เจ้าหนี้เรียกชำระจากเงินบำเหน็จตกทอดโดยตรงผ่านกรมบัญชีกลาง
ด้าน ดร สะท้าน วารี ผอ สพป สกลนคร เขต 1 ชี้แจงว่า กรณีการเสียชีวิตของข้าราชการบำนาญยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการหักเงินบำนาญรายเดือน ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูนั้น ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้ดำเนินการช่วยเหลือผ่านสถานีแก้หนี้ครูอยู่แล้ว และจะพิจารณาช่วยเหลือเป็นรายกรณีตามความเดือดร้อน พร้อมทั้งจะร่วมหารือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และเสนอแนวทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายผู้เรียกร้องยังไม่พอใจต่อคำชี้แจง เนื่องจากยังไม่มีคำยืนยันที่ชัดเจนว่าจะช่วยเหลือข้าราชการบำนาญที่ต้องการปิดหนี้บำเหน็จค้ำประกันทุกราย จึงออกมาอภิปรายสะท้อนความเดือดร้อนของครูบำนาญ และชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหนังสือสั่งการกรมบัญชีกลาง และพระราชบัญญัติสหกรณ์ พศ 2542 บริเวณสนามหญ้าหน้าสำนักงาน
นายคำพันธ์ บุญยืด ให้สัมภาษณ์สรุปว่า การแก้ไขปัญหาหนี้บำเหน็จค้ำประกันต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งจากการหารือในวันนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี และขอให้ทุกฝ่ายเร่งแก้ไขความเดือดร้อนให้ครูบำนาญโดยเร็ว
ขณะที่ นายเอกชัย คะษาวงศ์ อนุกรรมการสมาพันธ์จากจังหวัดนครพนม ระบุว่า เงินบำเหน็จตกทอดเป็นสิทธิของข้าราชการบำนาญ และเป็นหลักประกันเงินกู้ การนำเงินดังกล่าวมาชำระหนี้เป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่ภาระงบประมาณของรัฐ พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจและเห็นใจความเดือดร้อนของครูบำนาญ
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์ สมาชิกสมาพันธ์ข้าราชการบำนาญได้ยุติการชุมนุมอย่างสงบ เมื่อเวลา 1220 น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *