อุดรธานี – ไฟไหม้เถียงนาคลอกเด็กชาย 9 ขวบขณะพ่อแม่ออกไปจับตักแตนมาทอดให้ลูกกิน

อุดรธานี – ไฟไหม้เถียงนาคลอกเด็กชาย 9 ขวบขณะพ่อแม่ออกไปจับตักแตนมาทอดให้ลูกกิน

เมื่อเวลา 03.45 น.วันที่ 4 สิงหาคม ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่อยห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้เถียงนา ทางทิศใต้บ้านนิคมพัฒนา หมู่ 8 ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปที่เหตุพร้อมด้วย ดับเพลิง อบต.นิคมสงเคราะห์ กู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นเถียงนาทำด้วยไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างหนัก ทราบว่ามีเด็กชายวัย 9 ขวบนอนอยู่ในกระท่อม เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ แต่เพลิงได้เผาไหม้เถียงนาวอดทั้งหลัง และพบร่างของ ด.ช.ปรเมษ สุทธิวงศ์ หรือเมษ อายุ 9 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 8 บ้านนิคมพัฒนา ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกไฟเผาไหม้ดำเป็นตอตะโกอยู่ริมสระน้ำ และมีโครงแผงโซล่าเซลล์ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน และยังพบรถจักรยานยนต์ โดนไฟไหม้ได้รับเสียหาย ส่วนหมูที่เลี้ยงไว้ 6 ตัว ได้หายไปทั้งหมด

ต่อมาในเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ รอง ผกก.หน.สภ.ย่อยห้วยหลวง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอุดรธานี ได้ออกมาตรวจหาสาเหตุเพลิงไหม้ พบนางราตรี จันทร์สิทธิ์ อายุ 40 ปี และนายสนอง บุตรชาดี อายุ 50 ปี แม่และพ่อเลี้ยง ด.ช.ปรเมษ โดยนางราตรี ให้การว่า ตนเป็นแม่ม่ายมีลูกติด 2 คน น้องเมษเป็นลูกคนเล็ก ส่วนลูกคนโตเสพติดยาจนป่วยจิตเวช ได้ส่งตัวไปบำบัดรักษา ตนอยู่กินกับนายสนองสามีใหม่ซึ่งเลี้ยงน้องเมษมาตั้งแต่เด็ก และรักน้องเมษเหมือนลูกแท้ๆ พวกตนมาอาศัยอยู่ที่เถียงนาของนายสนองกับน้องเมษรวม 3 คน โดยจะมีอาชีพเกษตรกรทำนา ทำไร่มันสำประหลัง เผาถ่าน และเลี้ยงหมู 6 ตัว

ก่อนเกิดเหตุ น้องเมษบ่นอยากกินตั๊กแตนทอด จึงรับปากว่าจะไปจับมาให้ กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พวกตนจึงได้ออกไปที่เตาเผาถ่าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร เสร็จแล้วได้ชวนกันไปจับตั๊กแตนมาให้ลูก ซึ่งก่อนพวกตนจะออกจากบ้าน ได้เสียบปลั๊กไฟชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ให้น้องเมษนอนเล่นเกมอยู่ในบ้าน กระทั่งเวลาเที่ยงคืน พวกตนเห็นไฟไหม้บ้าน จึงรีบพากันวิ่งกลับมา ก็พบว่าไฟไหม้บ้านอย่างรวดเร็ว พวกตนวิ่งวนรอบบ้านเรียกหาลูกก็ไม่พบ จึงได้ไปบอกพ่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ก็พบศพน้องเมษเสียชีวิตในกองเพลิง

“เชื่อว่าลูกนอนเล่นโทรศัพท์ แต่ได้เสียบปลั๊กไฟชาร์ตแบตโทรศัพท์ด้วย ซึ่งลูกอาจจะเผลอหลับและพลิกตัวไปมา ทำให้ปลั๊กที่เสียบจะสปาร์คอยู่ตลอดเกิดลัดวงจร ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าที่นอน และเสื้อผ้าจำนวนมากเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี อีกทั้งลูกเป็นคนที่นอนขี้เซา จึงหนีไม่ทัน ถ้าลูกรับรู้ได้ อยากจะบอกว่า แม่ขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้ ชาติหน้าให้เกิดเป็นลูกแม่อีกนะ”

ส่วนนายเกต วันสา อายุ 58 ปี ตาของน้องเมษ กล่าวว่า เวลาประมาณตี 2 ลูกเขยได้เข้ามาบอกว่าไฟไหม้เถียงนา หลานน่าจะถูกไฟคลอก ตนรู้สึกตกใจมากจึงรีบออกมาดูแต่ก็ไม่เห็นศพหลาน ซึ่งก่อนเกิดเหตุลูกสาวกับลูกเขยไปจับตั๊กแตน ปล่อยให้หลานนอนอยู่คนเดียว ซึ่งตนคุยกับหลานครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้ ถามหลานว่าอยากจะกินอะไร และตนได้ซื้อลูกชิ้นและน้ำอัดลมให้หลานกินเป็นครั้งสุดท้าย

พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ทราบว่าพ่อแม่ไปที่เตาเผาถ่าน และออกไปจับตั๊กแตน ก่อนออกไปได้เสียบชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ ประมาณเที่ยงคืนเห็นไฟลุกไหม้ทางบ้านตัวเอง ก็เลยรีบมาก็พบว่าไฟไหม้บ้านหมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นศพลูก และมาเห็นช่วงเช้า คาดว่าจะตะเกียกตะกายหนี ซึ่งบ้านหลังนี้ใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ เก็บไว้ในแบตเตอรี่แปลงให้เป็นไฟใช้ในบ้าน คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ตามที่พ่อแม่สงสัย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำศพน้องเมษไปให้แพทย์ทำการชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เสร็จแล้วก็มอบให้ญาตินำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประจำหมู่บ้าน และจะทำพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้
/////////////////////

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *