จับแล้ว !!! สภ.เมืองเชียงใหม่ จับไรเดอร์เลือดร้อน แทงคู่กรณีบาดเจ็บ
จับแล้ว !!! สภ.เมืองเชียงใหม่ จับไรเดอร์เลือดร้อน แทงคู่กรณีบาดเจ็บ เหตุไม่พอใจ ฝ่ายตรงข้ามขับรถยนต์เปิดกระจกสูบบุหรี่แถมโยนก้นบุหรี่โดนตัวเอง ขณะขับขี่ จยย.ตามหลังมา เข้าไปตักเตือนกลับถูกด่ากลับ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 23.57 น.ศูนย์วิทยุนครพิงค์ได้แจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงได้รับบาดเจ็บบริเวณถนนทิพย์เนตรหน้ากาดมณี
ชุดสืบสวน (เหยี่ยวดำ) นำโดย พ.ต.ท.ชุวาพล ชัยสาร รอง ผกก.สส.,พ.ต.ท.พูนศักดิ์ พักตร์ผ่องศรี สว.สส. พ.ต.ต.วุฒิไกร ทาหอม สว.สส. สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหน้าบริเวณกาดมณี พบนายสุรศักดิ์ หลวงเขียว อายุ 46 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกแทงบริเวณใต้ราวนมข้างซ้าย จำนวน 1 แผล ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
และมี น.ส.ศศิวิภา หลวงเขียว ภรรยานายสุรศักดิ์ฯ อยู่ในที่เกิดเหตุเช่นกัน

ให้การว่าขณะที่ตนขับขี่รถยนต์มาตามถนนทิพย์เนตรมาถึงสี่แยกหายยามุ่งหน้าสี่แยกแอร์พอร์ตได้มีไรเดอร์ขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า แอร็อก สีน้ำเงิน ขาว ทะเบียน 2กน 5153 เชียงใหม่ ตามหลังมาและเกิดมีปากเสียงกับนายสุรศักดิ์ฯ ขณะขับขี่รถไปถึงหน้ากาดธานีทั้งนายสุรศักดิ์ฯ และไรเดอร์คนดังกล่าวได้จอดรถแล้วทะเลาะวิวาทกัน จากนั้นไรเดอร์คนดังกล่าวได้ใช้อาวุธมีดแทงนายสุรศักดิ์ฯ บริเวณใต้ราวนมซ้าย จำนวน 1 แผล เป็นเหตุให้นายสุรศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและขับขี่รถจักรยานยนต์ฯ หลบหนีไป

จากการตรวจสอบข้อมูลของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า แอร็อก สีน้ำเงิน ขาว ทะเบียน 2กน 5153 เชียงใหม่ มีนายพิพัฒ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยเมื่อได้ทำการตรวจสอบข้อมูลที่พักอาศัยของนายพิพัฒฯ อย่างละเอียดแล้วทราบว่ามีที่พักอยู่ที่ หอพักวาสนาดี ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาเวลา 01.00 น.ของวันที่ 12 ตุลาคม 2568

ชุดสืบสวนได้นำกำลังเข้าตรวจสอบหอพักดังกล่าว เมื่อไปถึงหอพักพบนายพิพัฒฯ มีลักษณะรูปพรรณตรงกันกับไรเดอร์ที่ก่อเหตุ โดยเมื่อได้ทำการตรวจสอบภายในห้องพักของนายพิพัฒฯ พบเสื้อแกร็บสีเขียวแขนยาว, หมวกกันน็อกสีเทาและรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า แอร็อก สีน้ำเงิน ขาว ทะเบียน 2กน 5153 เชียงใหม่ จอดอยู่ใต้หอพัก
ซึ่งนายพิพัฒฯ รับว่าเป็นคนก่อเหตุแทงนายสุรศักดิ์ฯ ที่หน้ากาดมณีจริง
โดยมูลเหตุเกิดจากที่นายสุรศักดิ์ฯ สูบบุหรี่ขณะขับขี่รถยนต์แล้วมีการพ่นควันและเขี่ยบุหรี่ออกนอกรถทำให้ตนเองขับขี่รถตามหลังมาโดนขี้บุหรี่และควันบุหรี่ทำให้ตนเข้าไปตักเตือน แต่ฝ่ายนายสุรศักดิ์ฯ คู่กรณีกลับไม่พอใจ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ขณะที่ทั้งสองทะเลาะวิวาทกันอยู่นั้นตนเองได้ใช้อาวุธมีดอเนกประสงค์ที่พกพามาด้วยแทงนายสุรศักดิ์ฯ
จากนั้นจึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฯ หลบหนีไป โดยที่อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุได้หล่นหายไประหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ควบคุมตัวนายพิพัฒฯ พร้อมด้วยของกลางมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดย จนท.ตร. แจ้งข้อกล่าวหาว่า
“ทำร้ายร่างกายบุคคลอื่นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า เหตุนี้เกิดจากการใช้รถ ใช้ถนนร่วมกัน ซึ่งการขับขี่รถในทางสาธารณะ ต้องมีระเบียบวินัยยึดในเรื่องของกฏหมายจราจร และมีถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
สำหรับเคสนี้การขับขี่รถยนต์แล้วสูบบุหรี่ ทำให้รถตามหลังมาได้รับความเดือดร้อนก็ไม่ใช่เรื่องควรทำ หากถูกตักเตือนแล้ว ขอโทษขอโพยกัน ก็ไม่น่าจะทำให้เกิดเหตุบานปลายแบบนี้ ในส่วนของการดำเนินการตามกฏหมาย ก็จะนำตัวนายพิพัฒน์ ฯ ผู้ก่อเหตุ ฝากขัง ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฏหมาย ต่อไป