คลังจังหวัดสิงห์บุรี ประชาสัมพันธ์โครงการ“คนละครึ่ง พลัส” เติมแรงซื้อให้ประชาชน – เติมรายได้ให้ร้านค้าท้องถิ่น

คลังจังหวัดสิงห์บุรี ประชาสัมพันธ์โครงการ“คนละครึ่ง พลัส” เติมแรงซื้อให้ประชาชน – เติมรายได้ให้ร้านค้าท้องถิ่น
รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี 2568 ด้วยมาตรการใหม่ “คนละครึ่ง พลัส”
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมคลังจังหวัดสิงห์บุรี และผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาสิงห์บุรี ใประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ประชาชนที่มาลงทะเบียนร้านค้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” วันแรก ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 2568 เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” เดิมที่เคยได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า

นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีเปิดเผยว่า โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ยังคงแนวคิดเดิม คือ “รัฐออกครึ่ง ประชาชนออกครึ่ง” ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แต่สิ่งที่เพิ่มเติม หรือ “พลัส” คือ การขยายสิทธิ์และเพิ่มประโยชน์ให้มากขึ้น ทั้งสำหรับผู้บริโภคและร้านค้า
โดยมีจุดเด่น 5 ด้าน ได้แก่ เพิ่มช่วงอายุผู้มีสิทธิ์ จาก 18 ปี เป็น 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
เพิ่มวงเงินใช้จ่าย จาก 150 บาท/วัน เป็น 200 บาท/วัน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน
เพิ่มสิทธิพิเศษตามระบบภาษี ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี ได้รับเงินสนับสนุน 2,400 บาท
ผู้ที่อยู่นอกระบบภาษีและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับ 2,000 บาท
ขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย นิติบุคคลขนาดเล็ก (Micro SME) และวิสาหกิจชุมชน ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี สามารถเข้าร่วมโครงการได้ พัฒนาทักษะร้านค้า (Upskill/Reskill) ผ่านแอป “ถุงเงิน” โดยมีหลักสูตรออนไลน์ เช่น การขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี การลดต้นทุน และการใช้ AI บริหารจัดการร้านค้า

นางอรรพรรณ นาคมหาชลสินธุ์ คลังจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยและร้านค้าท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใสและยั่งยืนในระยะยาว
ขณะที่ นางจันทนา ไทยอาภรณ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการลงทะเบียนร้านค้า การใช้จ่ายผ่านแอป “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” รวมถึงการให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาทักษะการขายแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่มุ่ง “เติมแรงซื้อให้ประชาชน และเติมรายได้ให้ร้านค้าท้องถิ่น” เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่ออย่างเข้มแข็งและยั่งยืน











