รมว.วัฒนธรรม “น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ลง 3 จังหวัดใต้

รมว.วัฒนธรรม “น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์” ลง 3 จังหวัดใต้.! ภารกิจแรก ติดตามคืบหน้าพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ ที่ อ.ยี่งอ พบพร้อมเปิด 100% เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยว เตรียมถ่ายโอนจากกรมศิลปากร ให้ อบจ.นราธิวาส ดูแล

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 18 ต.ค.68 นางสาว ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางพร้อมคณะฯ ถึงท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ตั้งอยู่ชุมชนบ้านศาลาลูกไก่ ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส โดยมี นางเสริมกิจ ชัยมงคล รองอธิบดีกรมศิลปากร, นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรฯ/สส.นราธิวาส เขต 2 , นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 , ดร.ซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4, นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รักษาราชการแทน ผวจ.นราธิวาส, นายกฤษณะ กำไร รอง ผวจ.นราธิวาส, พล.ต.ต.ประยงค์ โคตรสาขา ผบก.ภ.จว.นราธิวาส, รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมเดินทางและต้อนรับ
จากนั้น รมว.ซาบีดา ได้เดินสำรวจภายในพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ โดยนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้นำชมพร้อมให้ข้อมูลด้านต่างๆแก่ รมว.ซาบีดา ซึ่งทรัพย์สินที่มีมูลค่าทั้งคัมภีร์โบราณ และวัตถุโบราณที่วางโชว์ในตู้กระจก มีกุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนา  

ต่อมา รมว.วัฒนธรรม ได้เข้าประชุมร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง นายมาหะมะลุตฟี หะยีสาแม ผู้บริหารโรงเรียนสมานมิตรวิทยา เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรม อิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่เก็บรวบรวมและอนุรักษ์ดูแลรักษาคัมภีร์อัลกุรอานโบราณอันล้ำค่า ที่มาจากแหล่งต่างๆไว้ทั่วโลก เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยมีการรวบรวมประเภทคัมภีร์อัลกุรอานโบราณที่คัดด้วยลายมือที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒธรรมอิสลามที่ตกทอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มีอายุตั้งแต่ 150 ปี ถึง 1,100 ปี คัมภีร์อัลกุรอานมีทั้งหมด 8 กลุ่มที่ได้รับบริจาคคือ 1.คัมภีร์อัลกุรอานที่เนื้อหาเกี่ยวกับมาเลย์นูซันตาราหรืออาเซียน 2.อินเดีย 3.จีน 4.เปอร์เซีย 5.อียิปต์ 6.สเปน 7.แอฟริกา และ 8.อุซเบกิสถาน
ชาวมุสลิมเชื่อว่า ‘คัมภีร์อัลกุรอาน’ เป็นพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ประทานให้กับศาสนทูตมูฮัมหมัด เพื่อเป็นหลักนำทางในการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิมผู้ศรัทธาเมื่อ 1,400 กว่าปีก่อน ในปี 2559 มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ ยินยอมให้กรมศิลปากร ใช้ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองของมูลนิธิฯ ดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์อัลกุรอานโบราณ และมรดกวัฒนธรรมอิสลาม รวมถึงเป็นสถานที่จัดเก็บและจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับคัมภีร์อัลกุรอานมาตรฐานสากล ซึ่งกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนคัมภีร์และเอกสารโบราณ เข้ามาช่วยทางโรงเรียนในการดำเนินการเก็บรักษา บูรณะ ซ่อมแซม ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง และทางภาครัฐยังได้อนุมัติงบประมาณให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน” ขึ้นใหม่ จากเดิมตั้งอยู่ภายในโรงเรียนสมานมิตรวิทยา ส่วนที่ใหม่อยู่บริเวณด้านหน้าของโรงเรียนสมานมิตรฯ
ในที่ประชุม ชี้แจงว่า มูลนิธิพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ มีความพร้อม 100% ที่จะจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดย รมว.ชาบีดา ระบุ ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อดูแลทรัพย์สิน ส่วนการถ่ายโอนพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ และทรัพย์สินที่มีมูลค่าทั้งหมดจากกรมศิลปากร ให้ อบจ.นราธิวาส รับถ่ายโอนแต่ต้องดูความพร้อมของ อบจ.นราธิวาสก่อน ส่วนวันเปิดพิพิธภัณฑ์ฯ อย่างเป็นทางการ ที่ประชุมเคาะไว้ประมาณเดือนมกราคม ปี 2569 ซึ่งจะกราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ – วันพฤหัสบดี ( ปิดวันศุกร์ ) ช่วงเช้าเปิดเวลา 09.00 – 12.00 น. ช่วงบ่ายเวลา 13.00 – 17.00 น. สอบถามข้อมูล โทร.08 4973 5772
////////////////////////////////////////
นราธิวาส – ภาพข่าว
มารีดา บุญพล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *