กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและชาวบ้านหนองทะเลรวมตัวกดดันให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมผิดกฎหมาย

ป่าชุมชนแหลมสอมดื้อไม่เคารพมติที่ประชุมวุฒิสภายังข่มขูเรียกเก็บเงินนักท่องเที่ยวที่คลองหรูดคลองน้ำใสกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและชาวบ้านหนองทะเลรวมตัวกดดันให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 นาฬิกา ที่บริเวณคลองหรูดคลองน้ำใส หมู่ที่ 1 บ้านหนองทะเล และหมู่ที่ 4 บ้านแหลมสอม ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นายนิติ ดำริการ พร้อมด้วยนายสุมิตร รักโอ นายอนุชา เกบุตร และนายสมเกียรติ ทรงนาศึก แกนนำตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลหนองทะเล แกนนำตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเรือคายัค และแกนนำตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองทะเล นำคณะกรรมการและชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 150 คน มารวมตัวกันเรียกร้องกดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ และคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม ให้เคารพมติที่ประชุมของคณะกรรมาธิการวุฒิสภา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่ห้องประชุมสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทะเล
ซึ่งมีข้อสรุปว่าให้ยกเลิกคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม และให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่โดยมีสมาชิกบ้านแหลมสอมและบ้านหนองทะเล เป็นกรรมการเข้าาบริหารคลองหรูดคลองน้ำใส ให้ยกเลิกการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจขากนักท่องเที่ยว เนื่องจากเงินที่ได้มาไม่ทราสบว่านำไปบริหารจัดการอย่างไร
เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาคลองหรูดคลองน้ำใสให้เดินไปข้างหน้าสร้างรายได้ให้กับชุมชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน และสามารถยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก โยมีเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจภูธรตำบลอ่าวยนางว และกำลังอาสารักษษดินแดนอำเภอเมืองกระบี่ มาค่อยดูแลความสงบเรียบร้อย

โดยการรวมตัวในครั้งนี้ได้มีการเคลื่อนไหวด้วยการพายเรือคายัค จากคลองหรูดไปยังคลองน้ำใส ซึ่งเป็นที่ตั้งจุดเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวชาวไทย คนละ 20 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนละ 50 บาท จุดอยู่ในลำน้ำของหมู่ที่ 1 บ้านหนองทะเลของคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำ จำนวน 3 คน โดยกลุ่มผู้เรียกร้องกดดันไม่ให้นักท่องเที่ยวจ่ายค่าธรรมเนียมและให้พายเรือคายัคเข้าไปเที่ยวได้อย่างสะดวก เนื่องจากเงินที่เรียกเก็บนั้นไม่ทราบนำไปบริหารจัดการอย่างไร ถึงแม้ว่าได้มีการทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการป่าชุมชน และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ และการแต่งตั้งคณะกรรมการป่าชุมชนดังกล่าว ไม่ได้มีการทำประชาวิจารและประชามติสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้าน ถึงแม้ว่าทางนายอำเภอเมืองกระบี่ คัดค้าน แต่ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 ไม่สนใจยังดื้อแต่งตั้งขึ้นมาอีก

โอกาสนี้นายนิติ ดำริการ แกนนำตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลหนองทะเล กล่าวว่าการออกมาทำกิจกรรมในวันนี้เพื่อต้องการให้ยกเลิกป่าชุมชนและคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม ที่ตั้งขึ้นมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่มีการทำประชามติ ไม่มีการทำประชาวิจาร ซึ่งวชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้รับรู้และข้อมูลข่าวสารในการตั้งคณะกรรมการดังกล่าวอย่างแท้จริง ที่ให้ยกเลิกป่าชุมชนและคณะกรรมการเพื่อป้องกันความขัดแย้งและปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานหลายปีมาแล้ว จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องยกเลิกป่าและกรรมการออกจากพื้นที่ตำบลหนองทะเล โยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่พายเรือคายัคในคลองหรูดและคลองน้ำใส ที่ถูกคณะกรรมการป่าชุมชนดังกล่างคุกคามทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว มีการแจ้งความกับมากมายที่สถานีตำรวจภูธรตำบลอ่าวนาง ทำให้เกิดความเสียหายในพื้นที่เสียภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่อย่างรุนแรง
นายนิติ กล่าวอีกว่า ทางหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงทางที่ว่าการอำเภอเมืองกระบี่ ได้มีหนังสือให้ชะลอการเก็บเงินค่าธรรมเนียมของคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านอแหลมสอม แต่ทางคณะกรรมการดังกล่าวไม่ยอมให้ความร่วมมือยังมีการเก็บเงินมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองทะเลไม่ยอมในเรื่องนี้ เท่าที่ทราบมาในการจัดตั้งป่าชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนมีส่วนร่วมและมีรายได้กระจายเข้าสู่ชุมชน แต่จริงแล้วพอจัดตั้งขึ้นมาชาวบ้านไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย มีแต่เพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ จากการจัดตั้งป่าชุมชนหมู่ที่ 4 บ้านแหลมสอม ตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
ด้านนายสมเกียรติ ทรงนาศึก แกนนำตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหนองทะเล กล่าวว่า ตนอยบากจะบอกว่าที่มารวมตัวกันในวันนี้ เพราะเราต้องหการให้มีการยกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเรนียมจากนักท่องเที่ยว ของคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม เพราะว่าพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวคลองหรุดและคลองน้ำใส เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของตำบลหนองทะเล และพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวนี้เกิดขึ้นด้วยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวจตำบลหนองทะเล กลุ่มวิสาหกิจท่องเที่ยวเรือคายัค และชาวบ้านโดยทั่วไปในพื้นที่ตำบลหนองทะเล ซึ่งชาวบ้านและกลุ่มดังกล่าวได้มีการดูแลพื้นที่มาตั้งนานแล้ว พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช้เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พวกตนยืนยันต้องมีการยกเลิกป่าชุมชนและคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านแหลมสอม