ปิดฉาก JBC จันทบุรี เน้นความร่วมมือ 7 ข้อ – ตัดประเด็นรั้วชายแดน

ปิดฉาก JBC จันทบุรี เน้นความร่วมมือ 7 ข้อ – ตัดประเด็นรั้วชายแดน
.
การประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่จังหวัดจันทบุรี ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 00.12 น. โดยประธานร่วมทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามบันทึกการประชุมและออกถ้อยแถลงร่วมครั้งแรก เน้นย้ำในความร่วมมือ 7 ข้อ ขณะที่ประเด็นสร้างรั้วชายแดนของฝั่งไทย ทางกัมพูชาระบุว่า ไม่ได้รับมอบอำนาจให้พิจารณา ตัดออกจากวาระการประชุม


.
เวลาประมาณ 00.12 น การประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ ที่จังหวัดจันทบุรี เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ โรงแรมมณีจันท์ จ.จันทบุรี เข้าสู่พิธีปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้มีการกล่าวถ้อยแถลงร่วมของประธานทั้งสองฝ่าย ก่อนที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ประธาน JBC ฝ่ายไทย และ นาย ฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา จะได้ร่วมลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน และเแลกเปลี่ยนของที่ระลึกซึ่งกันและกัน


.
โดยภายหลังส่งคณะกัมพูชาขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับแล้ว นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ประธาน JBC ฝ่ายไทย พร้อมด้วยนายเบญจมินทร์ สุขกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รวมแถลงถึงผลการประชุม jbc ทั้ง 2 วัน โดยก่อนกล่าวแถลง เอกอัครราชทูต ได้กล่าว ขออภัยสื่อมวลชนทุกท่านที่การแถลงข่าวในวันนี้ล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากการประชุมได้เสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 21.00 น. และได้ใช้เวลาเพิ่มเติมในการปรับแก้เอกสารเพื่อเตรียมลงนามร่วมกัน ซึ่งการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้น ณ จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21–22 ตุลาคม 2568 โดยฝ่ายไทยมี นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการฝ่ายไทย ส่วนฝ่ายกัมพูชา นำโดย นายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักงานเลขานุการแห่งรัฐด้านกิจการเขตแดน ทำหน้าที่ประธานฝ่ายกัมพูชา โดยผลการประชุมโดยสรุป มีสาระสำคัญดังนี้


.

  1. การประชุมพิเศษของคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางบก ไทย–กัมพูชา (Joint Commission on Demarcation for Land Boundary: JBC) จัดขึ้นที่จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21–22 ตุลาคม พ.ศ. 2568 โดยฝ่ายกัมพูชามี ฯพณฯ นายลำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการแห่งรัฐด้านกิจการพรมแดนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ทำหน้าที่ประธานร่วมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางบก ไทย–กัมพูชา ฝ่ายกัมพูชา ส่วนฝ่ายไทยมี ฯพณฯ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย ทำหน้าที่ประธานร่วมฝ่ายไทย
  2. การประชุมจัดขึ้นในบรรยากาศแห่งมิตรภาพและความเป็นกันเอง
  3. ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการฝ่ายเทคนิคส่วนร่วม (JTSC) ทำการเปลี่ยนแทนหลักเขตแดนจำนวน 15 หลัก ณ ตำแหน่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ให้กลับคืนสู่ตำแหน่งและลักษณะทางเทคนิคดั้งเดิม
  4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ดำเนินการเปลี่ยนแทนหลักเขตแดนจำนวน 3 หลัก ซึ่งอยู่ใต้น้ำ โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน
  5. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการปรับปรุง “ขอบเขตอำนาจหน้าที่ (Terms of Reference – TOR) ปี 2003” เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายภูมิประเทศเชิงมาตราส่วน (Orthophoto Maps) ข้อ 4 ขั้นตอนที่ 2 ของ TOR 2003 โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบ LiDAR (Light Detection and Ranging) มาใช้เพื่อเร่งกระบวนการสำรวจและปักปันเขตแดนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  6. ในส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและปักปันเขตร่วม ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 ถึง 47 ในพื้นที่บ้านโจกเจย–หนองจาน และบ้านเปรยจัน–หนองหญ้าแก้ว
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้สรุป “ข้อกำหนดทางเทคนิค (Technical Instruction – TI)” สำหรับการสำรวจและติดตั้งหลักเขตชั่วคราวในพื้นที่สำคัญระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42–47
  • เมื่อเสร็จสิ้นการสำรวจและติดตั้งหลักเขตชั่วคราวแล้ว และได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของแต่ละฝ่าย ทั้งสองฝ่ายจะหารือกับรัฐบาลของตนเพื่อพิจารณากลไกที่เหมาะสมในการปรับพื้นที่ครอบครองของแต่ละฝ่าย
  • การติดตั้งหลักเขตชั่วคราวดังกล่าว เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการสำรวจเท่านั้น และจะไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นเขตแดนระหว่างประเทศของราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทย
  • ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เน้นย้ำต่อหน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ให้ดูแลความปลอดภัยของคณะสำรวจร่วม และไม่ขัดขวางการปฏิบัติงาน รวมถึงงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในพื้นที่ และต้องมั่นใจว่าพื้นที่ดังกล่าวได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยจากทุ่นระเบิดแล้ว ตามข้อ 3 ของบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000
  1. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม พ.ศ. 2569 ซึ่งไม่เกิน 4 เดือน
    .
    ที่ประเด็นการแจ้งให้กัมพูชาทราบว่าไทยจะสร้างรั้วแนวตรงเชื่อมหลักเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันแล้วเอกอัครราชทูต ระบุว่าฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่าไม่ได้รับมอบอำนาจให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว จึงตกลงร่วมกันให้นำประเด็นนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม เอกอัครราชทูต ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการออก ถ้อยแถลงร่วม (Joint Press Release Statement) อย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการเร่งรัดกระบวนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ ลดความตึงเครียด และสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างยั่งยืน..
    สุภาพร นิยมกิจ
    เอกลักษณ์ อานาภรณ์
    ทีมข่าวจันทบุรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *