นางสาวศศิธรรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยลงบ้านเกิดรอบสองนำคณะสื่อสำนักนายกเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์เมืองกระบี่แห่งใหม่บ้านเก่าแก่กว่าร้อยปีสนองรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

นางสาวศศิธรรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยลงบ้านเกิดรอบสองนำคณะสื่อสำนักนายกเปิดตัวแหล่ง
ท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์เมืองกระบี่แห่งใหม่บ้านเก่าแก่กว่าร้อยปีสนองรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 14.50 นาฬิกา นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่บ้านเกิดเป็นครั้งที่ 2 พร้อมด้วยคณะ ได้นำคณะสื่อมวลชนประจำสำนักนายกรัฐมนตจรี จำนวน 50 คน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์เมืองกระบี่ สนองนโยบายตอบรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยมีนายสุรศักดิ์ อักษรกุล อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำหัวหน้าส่วนราชการทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาคและในจังหวัดกระบี่ ร่วมให้การต้อนรับ เมื่อเดินทางถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหมดไทย ได้นำคณะสื่อมวลสักการะบูชากราบไหว้พระพิฆเนศวร หรือพระคเณศตะโกลา ที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ท่าเทียบเรือพอร์ตตะโกลา หมู่ที่ 6 บ้านแหลมโพธิ์ ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่

จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังบ้านเลขที่ 1 จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยเก่าแก่กว่า 100 ปี ของพระยาคงคาธราธิบดี หรือพลอย ณ นคร อดีตผู้ว่าราชการเมืองกระบี่ คนที่ 6 เพื่อให้คณะสื่อมวลชนได้ชมและบันทึกภาพในการนำเสนอให้ประชาชนชาวไทยทั่วทุกภูมิภาค ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้รับทราบว่าจังหวัดกระบี่มีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์แห่งใหม่เกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่ง โอกาสนี้คณะสื่อมวลชนยังมีโอกาสเยี่ยมชมและกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกระบี่เคารพนับถือ คือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย ท่านพญาภุชงค์นาคราช ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 บ้านคลองหิน ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย

โดยนางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวในครั้งนี้ เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงหมาดไทยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลภาย ใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีระกุล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัส และโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง นับเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องให้ความร่วมมือ ซึ่งจังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นและมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ในเรื่องความงดงามตามธรรมชาติทั้งการท่องเที่ยวทางทะเล ชายหาด ป่า และภูเขา จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสายตาของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ดังนั้นเพื่อเป็นการขานรับและส่งเสริมตลอดจนสนองตอบต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จังหวัดกระบี่จึงได้เปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์แห่งใหม่ ที่อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี หมู่ที่ 3 บ้านคลองแห้ง และหมู่ที่ 2 เช่นหาดนพรัตน์ธารา หาดอ่าวนาง ตำบลอ่าวนาง สุสานหอย 75 ล้านปี หมู่ที่ 6 บ้านแหลมโพธิ์ ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่

นางสาวศศิธร กล่าวอีกว่า การท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการพัฒนาชุมชน แห่งใหม่นี้มีชื่อว่าบ้านเลขที่ 1 จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยเก่าแก่กว่า 100 ปี ของพระยาคงคาธราธิบดี หรือพลอย ณ นคร อดีตผู้ว่าราชการเมืองกระบี่ คนที่ 6 นับเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญต่อการเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนในยุคเปิดป่าเป็นเมืองของกระบี่ ซึ่งบ้านเลขที่ 1 เมืองกระบี่ ตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวที่ชื่อว่าสวนอิศระ บ้านแหลมโพธิ์ อำเภอปากน้ำ ปัจจุบันตั้งอยู่ในโครงการท่าเรือพอร์ตตะโกลา ถือเป็นเกษตรแปลงใหญ่แห่งแรกของจังหวัดกระบี่ ที่ปลูกมะพร้าวเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกไปค้าขายยังต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันยังมีต้นมะพร้าว เตาอบมะพร้าว และเตาเผามะพร้าวที่เคยใช้สกัดเคี่ยวให้เป็นน้ำมันมะพร้าวลำเลียงใส่เรือส่งไปขายที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย

นางสาวศศิธร กล่าวต่อไปว่า บ้านเลขที่ 1 เมืองกระบี่ได้รับการบูรณะอีกครั้งเมื่อปี 2567 โดยนำไม้ของเรือนบางส่วนที่ยังใช้การได้มาใช้ประกอบกับไม้ตะเคียนทองและไม้นาคบุตรที่เป็นวัสดุหลักในการบูรณะ ซึ่งยังคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด ปรับรูปแบบด้านบนเป็นโถงโล่งเพื่อใช้ประกอบพิธีการมงคล มีการจัดแสดงโบราณวัตถุ อาทิ กูบช้างที่เคยใช้ออกตรวจราชการ รวมทั้งภาพในอดีตของท่านเจ้าของเรือน พร้อมตั้งชื่อเรือนใหม่นี้ว่าคงคาธรรมศาลา สถานที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แล้ว บรรยากาศของสวนอิศระยังถือได้ว่าเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เพราะตั้งอยู่เขตพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ อันเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือแรมซ่าไซท์ มีอาณาเขตติดกับป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติทางทะเลและสุสานหอย 75 ล้านปี ที่ยังคงมีธรรมชาติป่าชายเลน ป่าชายหาดและป่าบก ตลอดจนมีนกและสัตว์น้ำหลากหลายตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แบบชะวากทะเลด้วยเช่นกัน.
นางสาวศศิธร กล่าวทิ้งท้ายว่า ในการมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ยังมีเหตุผลประการสำคัญคือ เพื่อเป็นการฉายภาพการขับเคลื่อนงานในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของข้าราชการ และบุคลากรของกรมการพัฒนาชุมชนให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนอย่างเป็นรูปธรรม เพราะผลงานของกรมการพัฒนาชุมชน นั้นเป็นไปเพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง ชุมชนมีความเข้มแข็ง ภายใต้การน้อมนำหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้มีการบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมขนกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคศาสนา ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำกลุ่ม องค์กรเครือข่าย และประชาชน รวมทั้งการส่งเสริมอาชีพและรายได้ของประชาชน การสนับสนุนการสร้างอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่เพิ่มมูลค่าสินค้า และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ การยกระดับผลิตภัณฑ์โอท๊อปสู่สากล ด้วยการพัฒนาแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และนำนวัตกรรมมาสร้างมูลค่า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยก้าวสู่ตลาดโลกอย่างภาคภูมิ และยังรวมไปถึงการรักษาและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของชุมชนอีกด้วย ผลงานต่างๆที่ปรากฏล้วนเกิดจากการทำงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจอย่างทุ่มเทและเสียสละในฐานะข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยที่ยึดมั่นในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน











