ตำรวจตามรวบผู้ต้องหาคาตู้กดเงินกลางห้างดังพฤติกรรม หลอกลวงประชาชนให้กู้ยืมเงินหลอกลงทุนทางโซเซียลl

วันที่ 24 พย 68 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ศปอส.ภ.จว.เชียงใหม่ ผลการปฏิบัติ ได้จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญเกี่ยวกับการหลอกประชาชนกู้เงินและหลอกลงทุนทางโซเชียล โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้คาตู้เอทีเอ็มในห้างดังของเชียงใหม่

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย
พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, ได้เปิดเผยว่าก่อนเกิดเหตุ นางสาวธัญณิชา (ปิดนามสกุล) ผู้เสียหาย มีความประสงค์ที่จะกู้เงิน จึงได้ค้นหาข้อมูลในสื่อออนไลน์ จนกระทั่งพบกับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ค ชื่อ “จินดา สิริรัตน์กุล” ประกาศให้กู้เงินในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊คในลักษณะเป็นสาธารณะ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อไปเพื่อสอบถามรายละเอียด โดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คดังกล่าวได้ให้ติดต่อกับผู้ใช้บัญชีไลน์ ชื่อ “ผ.จ.ก.สินเชื่อบุคคล” ซึ่งผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวได้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน โดยอ้างว่าการกู้เงินนี้จะมีค่าดำเนินการต่าง ๆ เป็นเหตุให้ผู้แจ้งหลงเชื่อและได้โอนเงินไปให้บุคคลดังกล่าวผ่านบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นายสิทธิชัย (ปิดนามสกุล)จำนวน 31 ครั้ง ช่วงตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.2568-30 ต.ค.2568 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 629,310 บาท ต่อมาผู้เสียหายได้ปรึกษากับบุคคลข้างเคียงจึงได้ทราบว่าถูกหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย

ภายหลังจากที่ได้รับแจ้ง เจ้าพนักงานตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ตรวจสอบบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นายสิทธิชัย (ปิดนามสกุล) พบว่าภายหลังจากที่ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายแล้ว มีการทำธุรกรรมถอนเงินออกจากบัญชีจำนวนหลายครั้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นเจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบภาพหน้าตู้เบิกถอนเงินสด (ATM) ธนาคารกรุงไทย สาขาเมญ่า-เชียงใหม่ และ สาขาเซ็นทรัล เชียงใหม่ ซึ่งมีการทำรายการถอนเงินจากบัญชีพบว่าผู้ที่มาทำธุรกรรมถอนเงินเป็นชายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด สวมใส่หน้ากากอนามัยปกปิดใบหน้า ลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกัน จึงเชื่อว่าบุคคลที่ได้มาทำธุรกรรมถอนเงินในแต่ละครั้งเป็นบุคคลคนเดียวกัน

เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ บริเวณที่ตู้เบิกถอนเงินสด (ATM) ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัล เชียงใหม่ ตั้งอยู่ในช่วงวันที่ 30 ต.ค.2568 เวลาประมาณ 15.32 น. ซึ่งเป็นเวลาที่มีรายการถอนเงินจากบัญชี จำนวน 20,000 บาท นั้น ได้พบว่ามีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด สวมใส่เสื้อลายขวาง กางเกงขาสั้นสีดำ สวมใส่หน้ากากอนามัย ลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงกันกับบุคคลตามภาพถ่ายหน้าตู้เบิกถอนเงินสด (ATM) ข้างต้น เป็นผู้เข้ามาทำธุรกรรม และจากการสืบสวนทางเทคนิค ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และคำให้การพยาน ทราบภายหลังว่า ผู้ก่อเหตุ คือนายชัยณรงค์ (ปิดนามสกุล)

จากการตรวจสอบข้อมูลประวัติการกระทำความผิดของ นายชัยณรงค์ (ปิดนามสกุล) พบประวัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 14 คดี และมีหมายจับที่มีผลบังคับใช้ทั้งสิ้น รวม 8 หมายจับ เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมดทั่วประเทศ

เมื่อการกระทำความผิดครั้งนี้ นายชัยณรงค์ฯ ได้มีส่วนรู้เห็นในการหลอกลวงโดยไม่ได้ระบุเป้าหมายของเหยื่ออย่างเฉพาะเจาะจง โดยได้ใช้บัญชีธนาคารของผู้อื่น (บัญชีม้า) มาเป็นบัญชีรับเงินจากผู้เสียหาย ก่อนที่จะถอนเงินออกจากบัญชีในระยะเวลาใกล้เคียงกัน จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มาของเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมูลฐาน (ฉ้อโกงประชาชน) ดังนั้นการกระทำของ นายชัยณรงค์ฯ จึงเป็นความผิดฐาน “ตัวการฟอกเงิน, ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

ในส่วนของ นายสิทธิชัย (ปิดนามสกุล) เจ้าของบัญชีธนาคารที่ นายชัยณรงค์ฯ ใช้เป็นบัญชีรับเงินจากการกระทำความผิดนั้น บัญชีธนาคารเป็นสิ่งที่มีไว้ใช้เพื่อตน การส่งมอบบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ปรากฎความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันทางครอบครัวและความสัมพันธ์ทางอื่น จึงถือเป็นพฤติการณ์ที่รู้หรือควรจะรู้ว่าบุคคลนั้นจะใช้บัญชีธนาคารของตนไปกระทำความผิดกฎหมาย ทั้งยังเป็นการให้ความสะดวกหรือช่วยเหลือ นายชัยณรงค์ฯ ในการกระทำความผิด

จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นขอศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องและหมายค้นสถานที่ที่เชื่อว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่

ต่อมาวันนี้ (24 พ.ย. 68) เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ศปอส.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่เข้าค้นห้อง 306 ชั้น 3 คอนโดวันพลัสเจ็ดยอด 6 เลขที่ 225 หมู่ 2 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พบชายชาวไทย มีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับกำลังพักอาศัยอยู่ห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแสดงตัวขอตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคล ปรากฎว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายชัยณรงค์ (ปิดนามสกุล) อายุ 45 ปี อยู่ ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม
จ.นครปฐม ซึ่งตรงกับบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ จริง สอบถามนายชัยณรงค์ฯ รับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าวมาก่อนจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมในความผิดฐาน “ตัวการฟอกเงิน, ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมตรวจยึดของกลาง คอมพิวเคอร์โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ บัตรกดเงินสด และสมุดบัญชีธนาคาร รวม 22 รายการ

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

///////////// นิวัตร ธาตุฉินจันทร์ เชียงใหม่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *