ตราด – พรรคฝ่ายค้านเยี่ยมบ้านชำรากจุดอันตรายชายแดน รับช่วยทุกเรื่อง เอาเข้าสภาพิจารณา

ตราด พรรคฝ่ายค้านเยี่ยมบ้านชำรากจุดอันตรายชายแดน รับช่วยทุกเรื่อง เอาเข้าสภาพิจารณา
วันที่ 3 สิงหาคม 2568 ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.จ.ตราด พร้อมส.ส.พรรคประชาชนจากจังหวัดต่างๆ เดินทางไปรับฟังปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอคลองใหญ่ โดยมี นายเชิดศักดิ์ ชุ่มนาเสียว นายอำเภอคลองใหญ่ นายอนุพันธ์ เลิศสิทธิกุล นายกเทศมนตรีตําบลคลองใหญ่ พร้อมด้วยนางวิยะดา ซวง ที่ปรึกษาอุสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน เข้าร่วมเพื่อนำเสนอข้อมูลในด้านต่าง ๆ ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด นายพิพัฒน์ ฤกษ์สหกุล ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าชายแดน เสนอให้ใช้กลไกการประสานงานระดับท้องถิ่นเป็นลำดับแรก โดยเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างนายอำเภอในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ เพื่อค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยและแก้ไขปัญหาในระดับล่างก่อน ก่อนจะขยับสู่การเจรจาระดับจังหวัดและระดับประเทศต่อไป นายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ ประธานอาวุโสของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตราด ได้เสนอมาตรการเร่งด่วน 4 ประการ : * มาตรการด้านสินเชื่อ: ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1% และให้ผ่อนชำระได้นาน 12 เดือนแรก * เงินชดเชยความเสียหาย: ขอเงินเยียวยาผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ที่เสียหายจากการอพยพในอัตราไร่ละ 2,000-3,000 บาท * มาตรการภาษี: ขอให้กรมสรรพากรยกเว้นค่าปรับสำหรับผู้ที่ยื่นประมาณการกำไรเพื่อเสียภาษีนิติบุคคลผิดพลาด เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถประเมินรายได้ล่วงหน้าได้ * เงินช่วยเหลือครัวเรือน: ขอเงินเยียวยาครัวเรือนละ 10,000 บาท สำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพ และขอให้เพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกคนละ 100 บาท เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงขอมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนัก นอกจากนี้ ยังเสนอให้ธนาคารพาณิชย์ชะลอการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการจัดหาเงินกู้ฉุกเฉินเพื่อเสริมสภาพคล่องวงเงิน 1-10 ล้านบาท โดยปลอดดอกเบี้ยนาน 6-12 เดือน ภาคธุรกิจชายแดน ผลกระทบที่ประเมินค่าไม่ได้ นายทศพล เครือลอย ผู้ประกอบการส่งออกน้ำปลา (ผู้ผลิตและผู้ค้าชายแดน) ระบุว่า แม้จะมีการปิดด่านมานานกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่มีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนจากภาครัฐ โดยชี้ให้เห็นถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลจากการค้าชายแดนที่หยุดชะงัก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านบาทต่อวัน เฉพาะในส่วนของสินค้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับจังหวัดตราด ซึ่งไม่รวมสินค้าจากส่วนกลาง
หลังจากนั้นจึงเดินทางมาเยี่ยมผู้ประสบภัยชายแดนที่จุดอันตรายในตำบลชำรากที่บ้านนาเกลือ ม.2 ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด โดยมี ดร.เกรียงไกร ปัญญาพงศธร นายอำเภอเมืองตราด พร้อมฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ให้การต้อนรับ และเล่าเรื่องราวสถานการณ์ชายแดนในตำบลชำราก ซึ่งชาวบ้านตำบลชำรากที่ไม่ได้อพยพไฟอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ต้องช่วยกันสร้างหลุมหลบภัยไว้ในบริเวณบ้านเวลาได้ยินเสียงปืน ซึ่งชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าคอยสังเกตเสียงปืน ถ้าดังยาวๆจะข้ามหลังคาบ้านไปตกที่อื่น ถ้าดังแซ็กๆๆๆ ก็จะตกใส่บ้านให้รีบวิ่งไปหลบในหลุมหลบภัย นอกจากนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนผลไม้ และประมง บอกว่ามีปัญหาเรื่องแรงงานเพราะแรงงานกัมพูชากลับบ้านกันหมด จึงต้องไปหาแรงงานจากประเทศลาวมาแทน แต่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ทั้งค่าเดินทาง ค่าเอกสารและภาษีแรงงาน จึงต้องการให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาลดหย่อนภาษีให้ด้วยโดยนายณัฐพงษ์ รับปากจะนำเรื่องต่างๆ เข้าสู่สภาในการหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ เยียวยากันตอ่ไป
ผู้สื่อข่าว พูลศักดิ์ บุญลอย 0868242989 ศิวพงศ์ บุญลอย 0988997492

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *