ชาวกระบี่รวมใจหัวใจไทยหนึ่งเดียวบริจาคอาหารแห้งสิ่งของช่วยทหารแนวชายแดนและผู้ประสบอัคคีภัยจังหวัดศรีษะเกษและสุรินทร์

ชาวกระบี่รวมใจหัวใจไทยหนึ่งเดียวบริจาคอาหารแห้งสิ่งของช่วยทหารแนวชายแดนและผู้ประสบอัคคีภัยจังหวัดศรีษะเกษและสุรินทร์
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 เวลา 16.30 นาฬิกา ตามที่นายอังกูร ศีลาเทวากูร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้สำนักงานจังหวัดกระบี่ และนายอำเภอทั้ง 8 แห่งในพื้นที่ จัดกิจกรรมรวมใจหัวใจไทยเป็นหนึ่ง ตั้งศูนย์รับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากเหตการณ์ความไม่สงบจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และเหตุอุทกภัยและวาตภัย จังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นการเปิดให้ประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ ที่มีใจรักสถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความห่วงใยเหล่าทหารหาญที่ปกป้องกันษาผืนแผ่นดินไทย ตลอดจนประชาชนที่ประสบอุทกภัยและวาตภัย โดยกำหนดเปิดรับบริจาคสิ่งของตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม ถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 นาฬิกา ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่หลังใหม่ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ นั้น
โดยวันนี้พันเอก ธีรพันธ์ แพเรือง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัด และกำลังทหารจากกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน แหลมหางนาคจังหวัดกระบี่ ร่วมรับสิ่งของที่มีความจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งมีพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกระบี่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนและท้องที่ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน จากพื้นที่อำเภอเขาพนม อำเภอปลายพระยา อำเภอเกาะลันตา อำเภอลำทับ รวมถึงจากพระภิกษุสงฆ์วัดแก้วโกรวารามพระอารามหลวงจังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยการไฟฟ้าภาคใต้กระบี่ ต่างนำสิ่งของทยอยกันมาบริจาคอย่างไม่ขาดสาย

จนถึงขณะนี้สิ่งของที่ได้รับการบริจาคแยกเป็นข้าวสาร จำนวน 6,000 กิโลกรัม หรือ 6 ตัน น้ำดื่มบรรจุขวดขนาด 600 มิลลิลิตร จำนวน 600 แพ็ก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จำนวน 700 ลัง ปลากระป่อง จำนวน 400 ลัง นอกจากนี้เป็นเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องปรุงอาหาร ขนมขบเคี้ยว เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่ม โดยจะนำสิ่งของที่ได้รับการบริจาคไปมอบให้กับ กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ศูนย์อพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา และศูนย์อพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และวาตภัย ในพื้นที่จังหวัดศรีษะเกษ และจังหวัดสุรินทร์