แม่เฒ่าท้อแท้ชีวิตเขียน จม.ลาตายก่อนรมควันในห้องนอนหวังฆ่าตัวตายกับลูกชายพิการลูกดับแต่แม่ร่อแร่

แม่เฒ่าท้อแท้ชีวิตเขียน จม.ลาตายก่อนรมควันในห้องนอนหวังฆ่าตัวตายกับลูกชายพิการลูกดับแต่แม่ร่อแร่
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 21 สิงหาคม ขณะที่ ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุรมควันฆ่าตัวตายภายในห้องนอน บ้านเลขที่ 40 หมู่ 4 ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ด.ต.เจริญ จันทร์รักษ์ ผบ.หมู่ จร.สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วช่วยเหลือผู้ป่วยและประสบอุบัติเหตุตามท้องถนน แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี กู้ชีพโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม ผู้ช่วยเหลือพนักงาน

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน ที่ห้องนอนชั้นล่าง พบว่าประตูถูกล็อคกลอนจากด้านใน หน้าต่างห้องปิดลงกลอนทุกบาน เจ้าหน้าที่จึงงัดประตูเข้าไป พบร่างนางศิริลักษณ์ นามสอน อายุ 65 ปี นอนอยู่บนที่นอนติดพื้นตรวจพบชีพจรอ่อน ดต.เจริญฯ จึงได้ทำ CPR ช่วยเหลือ แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล และยังพบนายอาชิตพล นามสอน หรือบุ๊ค อายุ 29 ปี ลูกชายนอนอยู่บนเตียง ที่ไม่รู้สึกตัวไม่มีชีพจร ใกล้ ๆ กันพบเตาอั่งโล่มีเศษขี้เถ้า 2 เตา ตั้งอยู่ปลายที่นอนของแม่ และถ่าน 1 ถุง ใกล้กับพัดลมตั้งพื้น และอีกเตาวางอยู่ใต้เตียง พบจดหมายสั่งเสีย เขียนด้วยลายมือนางศิริลักษณ์ โดยสรุปเขียนถึงน้องเบลลูกชายคนโตทำตามที่เขียน การแจ้งตาย การติดต่อขอรับเงิน ชพค.สั่งให้ลูกเก็บเงินไว้ใช้อย่างประหยัด ห้ามให้ใครยืม และหมายเหตุ งดพิธีกรรมทางศาสนา ให้เผาเลย ไม่ต้องทำบุญหา จากการชันสูตรไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจมาประมาณ 8 ชั่วโมง
นายบรรณวิทย์ นามสอน หรือเบล อายุ 35 ปี ลูกชายนางศิริลักษณ์ ให้การด้วยน้ำตานองหน้าหลังจากที่เข้าไปกอดร่างน้องชาย ว่า ตนเป็นลูกคนโต แม่เคยเป็นครูเอกชน แต่ได้ลาออกมาทำงานเป็นหมอนวดแผนไทยส่วนน้องเป็นเด็กพิเศษ(พิการ) แม่ทำงานเป็นลูกจ้างตามร้านนวดหาเงินเลี้ยงน้อง แม่หวังว่าตนจะเป็นเสาหลักให้ครอบครัวแต่ตนก็มาตกงาน ทำให้แม่เครียด แม่เคยเขียนคำสั่งเสียไว้แต่ไม่ยอมให้ตนดู และไม่รู้อยู่ไหน แม่บอกว่าจะเอาน้องไปด้วย ไม่คิดว่าแม่จะทำแบบนี้ ตนตื่นขึ้นไม่เห็นแม่กับน้อง เคาะประตูเรียกก็ไม่ตอบ เปิดประตูก็ไม่ได้เพราะล็อค จึงมองส่องหน้าต่างดู พบแม่ลมควันในห้องมีแต่เตาถ่าน ตนจึงรีบแจ้งตำรวจ

ส่วนนางตุ๊ อายุ 76 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า นางศิริลักษณ์เคยเป็นครูสอนโรงเรียนเอกชน และร้องเพลงตามร้านอาหารด้วย ทำให้มีเงินใช้ตลอด สามีแยกทางกันนานแล้ว หลังลาออกจากครูก็มาทำอาชีพนวดแผนโบราณ นางศิริลักษณ์ เคยบอกตนว่าไม่ค่อยมีเงิน อีกทั้งลูกก็พิการ และชอบโทรสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพ เดือนก่อนก็ไปทำงานนวดที่กรุงเทพฯ แต่ก็โทรมาปรึกษาและบ่นกับตนว่าไม่ค่อยมีงานจึงทำให้ไม่มีเงิน ไม่รู้จะทำอย่างไร สาเหตุการรมควันฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากปัญหาครอบครัว ไม่มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวทำให้คิดสั้น ตนรู้สึกสงสารมาก
ด.ต.เจริญ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 มีคนรมควันฆ่าตัวตาย ตอนมาถึงที่เกิดเหตุก็พบแม่กับลูกรมควัน ลูกเสียชีวิตแล้ว ส่วนแม่ยังไม่เสียชีวิต แต่ชีพจรอ่อน จึงได้ช่วยชีวิตด้วยการ CPR ประมาณ 7 นาที ชีพจรก็เริ่มกลับคืนมา และรีบนำส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แต่อาการยังน่าเป็นห่วงมาก
ตำรวจสันนิษฐานว่า นางศิริลักษณ์ซึ่งมีอายุมากแล้ว แต่ต้องเป็นเสาหลักไปรับจ้างนวดแผนไทยหาเงินเลี้ยงลูกชายพิการ และลูกชายคนโตยังตกงาน ทำให้ท้อแท้ในชีวิตและคิดสั้น จึงวางแผนฆ่าตัวตายด้วยการรมควันตัวเองกับลูกชายพิการในห้องนอน โดยรอให้ลูกชายนอนหลับก่อนจึงนำเตาเข้ามารมควัน ทำให้ลูกชายที่นอนหลับเสียชีวิต ส่วนตัวเองยังมีชีพจรทำให้ จนท.ตำรวจช่วยชีวิตไว้ได้ ซึ่งได้นำศพนายอาชิตพล ไปที่นิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อไป
