เผาบ้านช่างซ่อมจยย.วอดลูกชายวัย 9 ขวบนอนในบ้านหวิดถูกย่างสดสงสัยขาใหญ่ฉุนแจ้งเบาะแสตำรวจ

เผาบ้านช่างซ่อมจยย.วอดลูกชายวัย 9 ขวบนอนในบ้านหวิดถูกย่างสดสงสัยขาใหญ่ฉุนแจ้งเบาะแสตำรวจ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 สิงหาคม นายเกษม ฤาเรืองฤทธิ์ อายุ 35 ปี ชาวสกลนคร เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ธีระภาพ ภูขันซ้าย สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่า บ้านที่สร้างกระท่อมด้วยเศษไม้และเศษวัสดุของตน ในบริเวณที่ว่างเทศบาลนครอุดรธานี ได้ติดป้ายประกาศห้ามทิ้งขยะและเศษวัสดุ ก่อนถึงชุมชนบ้านมั่นคง ถนนนเรศวร เขตเทศบาลนครอุดรธานี ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง ซึ่งลูกชายนอนอยู่ในบ้านหวิดถูกไฟคลอก ซึ่งคาดว่าจะโดนวางเพลิง จากกลุ่มคนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ หลังจากได้รับแจ้งจึงนำกำลังส่วนหนึ่งออกไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลนครอุดรธานี

ที่เกิดเหตุพบไฟไหม้บ้านซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าอยู่ในความดูแลของเทศบาลนครอุดรธานี โดยขึ้นป้ายห้ามนำขยะมาทิ้งอยู่ใกล้กับต้นใหญ่วอดทั้งหลัง ขณะนั้นไฟยังมอดไม่สนิท นายเกษมจึงนำเอาน้ำไปดับไฟที่ยังลุกอยู่จนดับ ทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นเครื่องในครัวเรือน เสื้อผ้า ตู้ เตียง ที่นอน ไหม้เสียหายทั้งหมด โดยมีนางปิ่น อายุ 45 ปี ภรรยา ด.ช.นิว อายุ 9 ขวบ ลูกชาย เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

นายเกษม ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ กับเก็บของเก่า และรับจ้างทั่วไป ก่อนหน้านี้ตนจะเช่าบ้านอยู่แถววิทยาลัยโปลีเทคนิค ถนนอำเภอ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ต่อมาร้านซ่อมรถรถจักรยานยนต์ได้ปิดลง ทำให้ตนตกงาน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน จึงได้นำเศษวัสดุมาสร้างกระท่อมอาศัยอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าของเทศบาลนครอุดรธานี อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกได้ประมาณ 1 ปีเศษ ก่อนเกิดเหตุ ตนไปซ่อมรถจักรยานยนต์ให้คนรู้จักกันในชุมชนผาสุกมั่นคง ต่อมาภรรยาได้เดินมาสอบถามเรื่องเงินเติมเงินโทรศัพท์

นายเกษม กล่าวต่อไปว่า อีกซักพักมีชาวบ้านมองเห็นไฟลุกไหม้ทางบ้านตน ซึ่งลูกชายยังนอนอยู่ในบ้าน ตนจึงรีบกลับมาเห็นลูกชายปลอดภัย ลูกชายบอกว่าขณะกำลังนอน ก็ได้ยินเสียงไฟไหม้จึงลุกออกมาดูหวิดถูกไฟคลอก เพื่อนที่ไปซ่อมรถให้ และชาวบ้านที่อยู่ใกล้ก็ช่วยเอาน้ำมาดับไฟ แต่ไฟก็ไหม้บ้านเสียหายหมดแล้ว ส่วนสาเหตุที่ไฟไหม้ ตนคิดว่าเป็นการวางเพลิง ซึ่งตนไม่เคยมีศัตรูหรือผิดใจกับผู้ใด แต่เมื่อวานนี้ มีตำรวจสืบสวนมาถามหาบุคคลท่านหนึ่งชื่อนายฟ้า แฟนตนก็บอกว่าเห็นเดินไปมาอยู่แถวนี้ หรืออยู่ในชุมชนผาสุกมั่นคง คิดว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเข้าใจผิดว่าตนบอกตำรวจถึงที่อยู่ของเขา

นายเกษม ให้การต่อไปว่า ต่อมามีคนชื่อนายหนึ่ง อายุประมาณ 45 ปี เป็นชาวชุมชนบ้านเหล่า (หนองสิม) แต่มาเล่นอยู่แถวชุมชนผาสุกมั่นคง ได้มาร้องตะโกนข่มขู่ว่า “มึงสะใจกันหรือยัง มึงตายแน่” ทำให้ไม่กล้านอน นั่งเฝ้าบ้านทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้าจึงออกไปซ่อมรถ ตนสงสัยนายหนึ่งและบุคคลอีก 2-3 คน เพราะขณะเกิดเหตุ ก็ได้ยินนายล้าน ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายฟ้า ที่ตำรวจสายสืบมาถามหา เดินมาดูไฟไหม้บ้านแต่ไม่ช่วย แถมพูดขึ้นมาให้ได้ยินว่า “เผาบ้านแล้ว ฆ่าเลยไหม๊” จึงเป็นข้อสงสัย หรือสันนิษฐานว่ามีคนเผาบ้านตน

ส่วนนางปิ่น กล่าวว่า เมื่อคืนนี้มีนายหนึ่งมาร้องตะโกนด่าและข่มขู่พวกตนว่า “มึงตายแน่” มึงบอกตำรวจไปจับไอ้ฟ้า แต่ที่แท้แล้ว ตำรวจมาสอบถามตนปกติว่าคนชื่อนี้อยู่ที่ไหน ซึ่งคนชื่อฟ้าก็เป็นน้องที่รู้จักกัน ซึ่งนายหนึ่งเป็นชาวหนองสิม จะมาอยู่แถวนี้เอาเงินมาซื้อยาบ้าแล้วไปขายต่อ ส่วนลูกชาย 9 ขวบที่นอนอยู่ในบ้าน ไม่เห็นคนมาจุดไฟเผาบ้าน มีแต่คนที่เราสงสัยเท่านั้น 3 คน คือคนชื่อหนึ่ง ล้าน และบาส เพราะหลังเกิดเหตุสามีไปถามนายบาสว่า ขี่จักรยานยนต์มาแถวนี้บ่อยๆ เห็นคนมาเผาบ้านตนไหม๊ นายบาสกลับหาว่าสามีตนพูดหาเรื่อง หาเรื่องว่าเป็นคนเผา

ตำรวจจึงสั่งให้นายเกษมและภรรยา ตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหายว่ามีมูลค่าประมาณกี่บาท และสงสัยใคร เพื่อจะได้สืบสวนหามือวางเพลิงมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

////////////////////////////รัฐธนินท์อุดร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *