บุกทำลายและเผาวอด – ทรัพย์สินในเหมืองแร่ที่จะแนะ คล้อยหลังแขวนป้ายผ้า

บุกทำลายและเผาวอด – ทรัพย์สินในเหมืองแร่ที่จะแนะ คล้อยหลังแขวนป้ายผ้า โปรยใบแถลงการณ์ ในนาม “เครือข่ายประชาชนปาตานีต่อต้านสยามไทย” ว่อนทั่ว อ.จะแนะ อ้าง! กำลังทำลายระบบนิเวศน์ เราต้องปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นของคนปาตานี
จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินภายในบริษัทเอเซีย เหมืองแร่ จำกัด ตั้งอยู่ บ.ไอบาลอ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งมีนายเชาว์วุธ พจนาลัย เป็นเจ้าของกิจการ เหตุเกิด เวลาประมาณ 12.50 น.วันที่ 21 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ทำให้สำนักงาน, ที่พักคนงาน 4 หลังเสียหาย ใช้รถแบคโฮทำลายรถบรรทุก 10 ล้อ 5 คันและรถตักแบคโฮอีก 2 คัน ก่อนจุดไฟเผา
ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในพื้นที่ ทั้งสายทหารและตำรวจ ระบุว่า การก่อเหตุครั้งนี้ เป็นฝีมือกลุ่มแนวร่วมขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ซึ่ง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ระบุตรงกันว่า แต่ประเด็นหรือปัจจัยที่ก่อเหตุนั้น คงต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน เพื่อความชัดเจนของรูปคดี
ขณะที่กลุ่มก่อเหตุยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ทั้งแขวนป้ายผ้า 5 จุดใน 2 อำเภอ คือ จะแนะและเจาะไอร้อง ข้อความเตือนไม่ให้เข้าไปในบริเวณของบริษัทเอเซีย เหมืองแร่ฯ อีกทั้งมีข้อความบนผ้า ระบุว่าพวกตนออกมาปกปองทรัพยากรธรรมชาติของกลุ่มปาตานี ล่าสุด เวลา 13.40 น.วันที่ 24 ส.ค.68 กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ อ.จะแนะ พบใบปลิวว่อน โดยเฉพาะในเขตชุมชน และมัสยิดในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ ซึ่งใบปลิวดังกล่าว เป็นแถลงการณ์จาก "เครือข่ายประชาชนปาตานีต่อต้านสยามไทย" ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2568 โดยมีเนื้อหาตามแถลงการณ์ดังนี้
"พวกเราในฐานะประชาชน ผู้ยืนอยู่บนแผ่นดินแห่งนี้ ขอแสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นในการประณามพฤติกรรมของกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่เข้ามาขูดรีดทรัพยากรธรรมชาติของผืนแผ่นดินเรา ไม่ว่าจะเป็นแร่ธาตุ น้ำมัน ป่าไม้ หรือทรัพยากรใต้ดินอื่นๆ ภายใต้ข้ออ้างของการพัฒนา การลงทุน เพื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ

การขุดแร่โดยไร้ความรับผิดชอบ และการตักตวงผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม กำลังทำลายระบบนิเวศ ทะลวงหัวใจของชุมชนพื้นถิ่น
และก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขณะที่ทรัพยากรของพวกเรา ไหลเข้าสู่กระเป๋าของผู้มีอำนาจ ชาวบ้านในชุมชนกลับยังคงหิวโหย ขาดโอกาส และเผชิญกับอนาคตที่เลือนราง”
“แผ่นดินเรามั่งคั่งแต่พวกเรากลับยากจน” ทรัพยากรถูกปล้นอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่ความยุติธรรมถูกฝังลึกอยู่ใต้เหมืองแร่ เราขอประณามการกระทำที่หลบซ่อนอยู่ ภายใต้สัญญาและตัวบทกฎหมาย อันไม่ชอบธรรม ซึ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนและนักการเมืองบางกลุ่ม โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินอย่างแท้จริง
เราขอยืนยันว่า

1.ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นของประชาชนทุกคน มิใช่ของกลุ่มทุนใดกลุ่มหนึ่ง
2.การพัฒนาที่แท้จริงคือ การเติบโตที่สมดุล ทั้งกาย ใจ ปัญญา สังคมและธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และไม่หลงทางในวัตถุ จนลืมจิตใจและคุณธรรม
3.สิทธิของชุมชนในการกำหนดอนาคตของตนเอง ต้องได้รับการเคารพ เราจะไม่ยอมจำนนต่อการปล้นสะดมในนามของการพัฒนา เราจะลุกขี้นยืนเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินของเรา เพื่อรุ่นลูกรุ่นหลาน และเพื่อศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน
แหล่งข่าวความมั่นคงรายหนึ่ง ระบุว่า กลุ่มก่อเหตุบุกเหมืองแร่ ต้องมีผู้มีอิทธิพลที่เสียผลประโยขน์ หนุนหลังอยู่ ส่วนกรณีค่าคุ้มครอง ก็คิดว่ามีส่วนที่เชื่อมโยง ซึ่งผู้ที่เสียประโยชน์ยืมมือกลุ่มแนวร่วมก่อเหตุเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น
“ถ้าจะปกป้องทรัพยากรธรรมชาติจริงๆ คนในพื้นที่ต้องออกมาคัดค้านกันตั้งแต่เริ่มแล้ว ผมไม่ได้หมายถึงที่นี่ที่เดียวนะ ผมหมายถึงบนเขาด้วย ทำไมถึงยังมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจนหัวโล้น พอถึงช่วงหน้าฝน น้ำป่าก็ไหลลงมาท่วมบ้านเรือนเสียหายหมด ทำไมกลุ่มนี้จึงไม่ออกมาปกป้อง เพราะกลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลไง ที่เหมืองก็เหมือนกัน ใครได้ใครเสียผลประโยชน์ หรือเรื่องค่าคุ้มครอง ให้ฝ่ายความมั่นคงเค้าจัดการ”
นราธิวาส – ภาพข่าว
มารีดา บุญพล