นครปฐม – สี่แยกวัดใจ จยย.พุ่งชนรถพ่วง 18 ล้อดับคาที่
หนุ่มใหญ่ซิ่งจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว พอถึงทางสี่แยกวัดใจถนนเลียบคลองชลประทาน เจอรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ วิ่งผ่านตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด แต่ด้วยความเร็วสูงจึงไม่สามารถบังคับรถให้หยุดได้ จึงพุ่งชนลูกพ่วง 18 ล้อ อย่างสนั่นหวั่นไหว จนรถ จยย. แหลกกลายเป็นเศษเหล็ก ส่วนคนขับขี่ร่างกายแขนและขาหักหลายส่วน ดับอนาถคาที่เกิดเหตุ

อุบัติเหตุอันน่าสลดรายนี้ๆได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.15 น. (8 ก.ย.68) ที่ถนนเลียบคลองชลประทาน (บ้านกระถินแดง) ม. 16 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ไชยณรงค์ บุญเอก ร้อยเวร สภ.กำแพงแสน ได้รุดไปยังที่เกิดเหตุ ก็พบจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณสี่แยกถนนตัดคลองชลประทาน ที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจร พบรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า สีเทาดำ ทะเบียน 1 กณ 4395 น.ฐ. มีสภาพยังยับเยิน ล้อหน้าหลุดออกจากตัวรถ มีหมวกนิรภัยตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และยังมีชิ้นส่วนของรถ จยย. แตกกระจัดกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณกลางถนน ใกล้กันพบร่างผู้เสียชีวิตผู้ขับขี่รถ จยย. ในสภาพแขนและขาหักหลายท่อน รวมทั้งที่ใบหน้าก็มีบาดแผลขนาดใหญ่ มีเลือดไหลทะลักออกมาจำนวนมาก ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายบริบูรณ์วงศ์ แก้วกุลขจร อ.36 ปี บ.64 ม.19 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนคันแม่ 90-3398 น.ฐ. ติดป้ายคำว่า “ภัทร์บดินทร์” ที่ด้านหน้ากระจก ทะเบียนลูกพ่วง 90-3389 น.ฐ. จอดอยู่ริมถนนเลียบคลองชลประทาน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ทราบชื่อคนขับคือ นายสุวัฒน์ธนา หนูเลิศ อ.29 ปี จากการสอบถามนายสุวัฒน์ธนาฯ กล่าวว่า ตนเองได้ขับรถบรรทุกพ่วงออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังถนนสายมาลัยแมน ขณะที่มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงทางสี่แยกวัดใจ ตนเห็นว่ามีรถ จยย.ขับขี่มาอย่างเร็วและเห็นว่าคนขับจี่รถ จยย.ได้พยายามเบรกรถแล้ว ตนจึงได้ขับผ่านทางแยก แต่พอขับผ่านได้แค่คันหัวรถ รถ จยย.ก็พุ่งชนกับแพงกันข้างรถลูกพ่วงอย่างแรง ตนจึงขับไปจอดห่างจากจุดที่เกิดเหตุประมาณ 150 เมตร แล้วลงมาดูก็พบผู้เสียชีวิตแล้ว

ต่อมาแพทย์จาก ร.พ.ศูนย์นครปฐม ได้มาชันสูตร์ศพเบื้องต้น ขณะเดียวกันได้มีนางเลาะ ชาวเมียนมา อ.53 ปี ซึ่งเป็นมารดาของผู้เสียชีวิต ทราบเหตุจึงได้รีบมายังที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นลูกชายนอนเสียชีวิต จึงร้องให้เสียใจอย่างหนัก และพยายามที่จะเข้าไปกอดศพลูกชายอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นบุตรชายคนเดียวของนางเลาะ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงต้องเข้าปลอบใจให้ผ่อนคลายลง จากเหตุการณ์นี้ จนท.คงต้องขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าว นายพิสิษฐ์ ปานวณิชยกิจ (8 ก.ย.68)
ภาพ น.ส.ศิวาพร ศรีศิวานุวัฒน์ (จ.นครปฐม)