น้ำยวมหลากจากแม่สะเรียงเข้าสบเมยผู้คนขนของจ้าละหวั่น
น้ำยวมหลากจากแม่สะเรียงเข้าสบเมยผู้คนขนของจ้าละหวั่น

จากฝนที่ตกลงมาลงมาอย่างหนักในช่วงเย็นและค่ำในหลายพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้แม่สะเรียงอ่วมจากแม่น้ำยวมหลากเข้าท่วมหนักที่สุดในรอบกว่า 20 ปีและน้ำได้ไหลต่อไปยังอำเภอสบเมย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยชาวบ้านขนของกันวุ่น
จังหวัดแม่ฮ่องสอนสรุปสถานการณ์และผลกระทบจากพายุบัวลอยจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 เกิดเหตุอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 29-30 ก.ย. 2568 มีปริมาณฝนตกหนัก และหนักมาก ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเหตุทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน อำเภอแม่ลาน้อย และอำเภอแม่สะเรียง เกิดความเสียหาย รวม 3 อำเภอ 6 ตำบล 36 หมู่บ้าน หนักที่สุดคือที่อำเภอแม่สะเรียง รองลงมาคือแม่ลาน้อยและอำเภอสบเมย ซึ่งในช่วงเย็นรองผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยจากพายุ “บัวลอย” ที่แม่สะเรียง ความเสียหายกระจายเพิ่มขึ้นเป็น 7 ตำบล 50 หมู่บ้านและปริมาณน้ำจากอำเภอแม่สะเรียงก็ได้ไหลลงไปท่วมในพื้นที่ของอำเภอสบเมยแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหารพราน หน่วยทหารพัฒนาที่ 36 ต้องเข้าให้การช่วยเหลือผู้คนที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนและช่วยกันย้ายสัตว์เลี้ยงขึ้นมาไว้ยังที่ปลอดภัย

ด้านนายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง ส่วนราชการ หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ซึ่งเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในหลายพื้นที่ของอำเภอแม่สะเรียงประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลันและดินสไลด์อย่างต่อเนื่อง
จากรายงานเบื้องต้น ระบุว่ามีชุมชนในพื้นที่รวม 7 ตำบล กว่า 50 หมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยความเสียหายครอบคลุมทั้งบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตร ถนนสายหลักและสายรอง ตลอดจนสะพานเชื่อมหมู่บ้านหลายแห่งถูกน้ำพัดขาด ทำให้การสัญจรเข้าออกยากลำบาก บางพื้นที่ถูกตัดขาดไม่สามารถเข้าถึงได้ ต้องใช้เรือและกำลังทหารเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันยังมีรายงานดินโคลนถล่มในพื้นที่ภูเขา ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขา

รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ ทหาร รวมทั้งหน่วยงานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งระดมกำลังเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเน้นทั้งการกู้โครงสร้างพื้นฐานชั่วคราว อาทิ การสร้างสะพานเบลีย์ การเปิดเส้นทางจราจรเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ รวมถึงการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้กับผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด ทั้งในด้านบ้านเรือน สาธารณูปโภค พื้นที่การเกษตร และทรัพย์สินของประชาชน เพื่อจัดทำบัญชีข้อมูลนำไปสู่การวางแผนการเยียวยาและการฟื้นฟูในระยะต่อไป โดยย้ำว่าการช่วยเหลือจะต้องครอบคลุมและทั่วถึงทุกครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มขึ้นที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง เพื่อเป็นจุดกลางในการประสานงานและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดตั้งสายด่วนให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทันที
ล่าสุดในพื้นที่ยังคงมีฝนตกประปรายต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าพื้นที่เสี่ยง ขณะเดียวกัน ได้มีการประกาศแจ้งเตือนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำและเชิงเขาเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติของดิน น้ำ หรือเสียงดังผิดปกติ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัย
/////////////////////////////////
วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน












